3 สัญญาณเตือน ว่าสตาร์ทอัพของคุณไปไม่รอด


ข้อมูลที่มักจะถูกยกขึ้นมาพูดถึงบ่อยๆ เรื่องของสตาร์ทอัพก็คือ 75% มักจะล้มเหลวไม่เป็นท่า หรือไม่ก็จะต้องบอกว่าจะหายไป 50% ในเวลา 5 ปี แต่ข้อมูลนี่ไม่ใช่ข้ออ้างในการที่คุณจะเริ่มต้นทำธุรกิจที่เรียกว่าสตาร์ทอัพ แทนที่จะคอยอ้างข้อมูลเพื่อความล้มเหลว มาคอยดูสัญญาณ 3 ข้อนี้ดีกว่า ถ้าเจอให้รีบแก้ไขก่อนที่จะพบจุดจบ

ถ้ารักที่จะทำธุรกิจสตาร์ทอัพ คุณจะอ้างว่าคุณไม่เก่งด้านธุรกิจก็คงจะทำไม่ได้ เพราะนี่คือธุรกิจ ดังนั้นเรื่องของรายได้ที่เข้ามาต้องเอาใจใส่ ความแตกต่างในตลาดก็ต้องมี และแน่นอนการทำความต้องการของตลาดเป็นเรื่องที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ ใครจะเอาแต่เข้าข้างตัวเองว่าคิดมาดีแล้ว ต้องมุ่งมั่นไปให้สุดโดยที่ไม่สนใจเรื่องอื่นเลย ก็รอวันเผาอย่างเดียว

3 สัญญาณเตือน ว่าธุรกิจสตาร์ทอัพของคุณกำลังมีปัญหา

1.ธุรกิจของคุณ ROI ไม่ดี

สัญญาณเตือนข้อแรกนี้ชัดเจนมาก ไม่ต้องมีความรู้ด้านการเงินอะไรมากมายก็พอที่จะทำการวัดระดับความรุนแรงของเรื่องนี้ได้ เพราะธุรกิจคือการนำเงินไปลงทุน เพื่อให้ได้เงินกลับมา แล้วถ้าเงินที่ได้กลับมามันน้อยกว่าที่ลงทุนไป ก็ชัดเจนว่า ROI ของธุรกิจคุณไม่เข้าท่าแล้ว ถ้าไม่แก้ไขเรื่องนี้ด้วยการทำให้มีกำไรเข้ามา ก็เหมือนกับผลาญเงินทุนที่ได้มาจนหมด แล้วก็รอวันโบกมือลาเท่านั้นเอง

เรื่องนี้ต้องหาทางแก้ไขโดยเร็ว บางครั้งค่าค่าใช้จ่ายสูงเกินไปจะสร้าง ROI ที่ติดลบ บางครั้งการเงินที่มีการจัดการไม่ดี อย่างคุณจ้างคนจำนวนมากเกินไป หรือลงทุนซื้อเครื่องไม้เครืองมือมากเกินกว่าที่ธุรกิจของคุณจำเป็นต้องใช้ ต้องหาให้เจอแล้วรีบทำการแก้ไข เพราะว่าธุรกิจจำเป็นต้องได้รับ ROI ที่ดีตั้งแต่เริ่มต้น หลายคนคิดว่ามันเป็นเรื่องของเวลาที่จะทำให้ธุรกิจของตัวเองประสบความสำเร็จ ความจริงเรื่องนี้มีเพียงหนึ่งเดียว ก็คือถ้าธุรกิจไม่ทำเงินแสดงว่าคุณมีปัญหา

2.ธุรกิจของคุณธรรมดาเกินไป

หลายครั้งสตาร์ทอัพบางรายเน้นไปที่ตลาดของคนทั่วไปมากจนเกินไป ทั้งๆ ที่ตอนแรกอาจจะเป็นการออกแบบกลุ่มลูกค้าที่ถูกต้องแล้ว แต่การลดความเสี่ยงด้วยการจับตลาดคนหมู่มาก กลับเป็นอันตรายต่อธุรกิจของคุณมากกว่า

และในความเป็นจริงยิ่งคุณจำกัดตลาดของคุณให้ชัดมากเท่าไร การโฆษณาทำการตลาดและขายผลิตภัณฑ์ของคุณก็จะง่ายขึ้นเท่านั้น เพียงเพราะธุรกิจของคุณสามารถให้บริการได้หลายกลุ่มในตลาดไม่ได้หมายความว่ามันจะเป็นเรื่องดี การเริ่มธุรกิจที่ประสบความสำเร็จในตลาดเฉพาะกลุ่มนั้นง่ายกว่าการแข่งขันกับตลาดใหญ่ที่มีเจ้าถิ่นอยู่แล้ว

3.ธุรกิจของคุณไม่ได้ตอบสนองความต้องการของตลาด

หนึ่งในบทเรียนที่สำคัญที่สุดเกี่ยวกับการเป็นสตาร์ทอัพก็คือ “เรียนรู้เร็วกว่าผู้อื่น” เพราะเมื่อใดที่คุณหยุดเรียนรู้ นั่นหมายถึงธุรกิจของคุณเข้าใกล้ความล้มเหลวเข้าไปทุกที ตัวอย่างของ Blockbuster บริษัท ขนาดใหญ่ที่ล้มเหลวในชั่วข้ามคืน ด้วยการถูก Netflix และ Redbox เข้าโจมตีที่ความต้องการของตลาดที่เปลี่ยนแปลงไป
อะไรที่เลวร้ายกว่าการที่ธุรกิจไม่ปรับเปลี่ยนตามความต้องการของตลาดที่เปลี่ยนแปลงไป คุณจะต้องสร้างธุรกิจที่ปรับตัวได้อย่างรวดเร็ว แล้วคุณจะสามารถอยู่รอดได้

อย่าลืมตรวจเช็คสุขภาพของธุรกิจของคุณใน 3 ข้อนี้ หากพบว่าข้อไหนไม่เข้าท่าก็ให้รีบจัดการแก้ไข ถ้าธุรกิจของคุณ ROI ดี สินค้าเป็นที่ต้องการของตลาด แถมยังเป็นสินค้าที่ปรับเปลี่ยนตามความต้องการของตลาดได้ รับรองว่าธุรกิจของคุณได้ไปต่อแน่นอน

อ้างอิง: