คนอเมริกันยังคงกลัวรถยนต์ไร้คนขับอย่างต่อเนื่อง แต่ผู้ผลิตก็ยังทุ่มสุดตัวในเรื่องนี้


ผลสำรวจจากสมาคมยานยนต์ของอเมริกัน หรือ American Automobile Association (AAA) เกี่ยวกับเรื่องของรถยนต์ไร้คนขับ พบว่าคนอเมริกันยังคงความกลัวเกี่ยวกับเรื่องนี้เอาไว้อย่างต่อเนื่อง โดยพบว่า 7 ใน 10 คนไม่ต้องการเดินทางไปยังบริเวณที่มีรถยนต์ไร้คนขับวิ่งอยู่

สัดส่วนของชาวอเมริกันที่กลัวยานยนต์อัตโนมัติมีมากถึง 71% ในการสำรวจล่าสุดของ AAA แทบจะไม่เปลี่ยนแปลงจากปีที่แล้ว และข้อมูลย้อนหลัง 3 ปีก็ไม่ค่อยมีความแตกต่าง ทำให้เห็นว่าเรื่องของความกังวลนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่อาจจะมีการบวกเพิ่มด้วยกรณีที่รถไร้คนขับของ Uber Technologies Inc. ไปชนคนตายในรัฐแอริโซนา

แม้การยอมรับของสาธารณะแทบจะไม่ดีขึ้นเลย แต่บรรดาผู้ผลิตรถยนต์และยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีต่างก็ทุ่มกันสุดตัวให้กับเทคโนโลยีรถไร้คนขับนี้ ไม่ว่าจะเป็น ฮอนด้ามอเตอร์ และกองทุน Softbank ของญี่ปุ่นที่ได้ลงทุน 5 พันล้านดอลลาร์ในเครือของ เจนเนอรัลมอเตอร์ เมื่อปีที่แล้ว และ Volkswagen AG กำลังเจรจาเกี่ยวกับการลงทุนใน Argo AI ของฟอร์ดมอเตอร์ ผลการศึกษาของ AAA ชี้ให้เห็นว่าความคิดเห็นของประชาชนอาจเป็นความท้าทายที่สูงมาก เมื่อถึงเวลาต้องโน้มน้าวให้ลูกค้าใช้บริการขนส่งในอนาคต

อย่างไรก็คาม Google จะเริ่มให้บริการรถไร้คนขับในเมืองฟีนิกซ์ปลายปีนี้ ส่วน จีเอ็มก็วางแผนให้บริการรถเช่าแบบไม่ใช้คนขับในสหรัฐฯ ปลายปีนี้เช่นกัน ในขณะที่ทุกวันนี้รถยนต์ทดสอบที่ไม่มีคนขับก็ยังคงสะสมไมล์บนถนนสาธารณะในรัฐต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น แคลิฟอร์เนีย แอริโซนา ฟลอริดา เพนซิลเวเนียและมิชิแกน อย่างต่อเนื่อง

บางทีทางเลือกแบบที่ยังมีคนขับนั่งไปด้วย อาจจะเป็นตัวช่วยในช่วงแรกของการสร้างความมั่นใจ ว่ารถยนต์วิ่งได้เองแต่ก็ยังมีคนขับคอยช่วยในกรณีฉุกเฉิน แต่ทางเลือกนี้อาจจะไม่ถูกใจผู้ลงทุนเรื่องนี้ เพราะจุดมุ่งหมายอยู่ที่การเดินทางที่ไม่ต้องอาศัยคนเป็นคนขับ เพราะเชื่อว่ามันจะสามารถลดอุบัติเหตุที่มักจะเกิดขึ้นจากคนขับ และเพิ่มระยะเวลาของการให้บริการและจำนวนเที่ยวของการขนส่งได้

แต่ผลจากการสำรวจของ AAA ซึ่งคนส่วนใหญ่เชื่อว่า รถยนต์ไร้คนขับ จะเป็นเรื่องที่ยังไงก็ต้องเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้นี้

อ้างอิง: