เมียนมากลายเป็นขุมทองแห่งใหม่ที่กลุ่มนักลงทุนทั่วโลกเช่นเดียวกับนักลงทุนชาวไทยต่างก็แห่เข้าไปร่วมลงทุนไม่ขาดสายซึ่งข้อได้เปรียบของนักลงทุนไทยนอกจากวัฒนธรรมเมียนมาคล้ายคลึงไทยแล้วทั้งสองประเทศยังมีชายแดนติดกันตั้งแต่ภาคเหนือจรดภาคใต้ ทำให้มูลค่าชายแดนแต่ละปีเกือบแสนล้านบาท หลังเปิดสะพานมิตรภาพแม่สอด-เมียวดี สะพานมิตรภาพไทย- เมียนมาแห่งที่ 2 เชื่อมอ.แม่สอด จ.ตาก กับเมือง เมียวดี ที่รัฐกะเหรี่ยงเมื่อกลางเดือนมี.ค.2562 ที่ผ่านจะทำให้มูลค่าการค้าทั้งไทย-เมียนมา ปี2562 พุ่งทะลุมากกว่า2แสนล้านบาทเนื่องจากระบบขนส่งสะดวกสะบายมากกว่าสะพานมิตรไทย-เมียนมาแห่งที่ 1
นางออง ซาน ซู จี ผู้นำเมียนมา กล่าวระหว่างมร่วมพิธีเปิดสะพานมิตรภาพแห่งใหม่กับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ว่า เมียนมาพร้อมที่จะทำงานร่วมกับไทย ซึ่งเป็นเพื่อนบ้านที่ดีนับตั้งแต่เริ่มสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างกันครบ 70 ปี เมื่อปี 2561 หลังเปิดให้บริการสะพานมิตรภาพอย่างถาวรจะส่งเสริมการค้า การลงทุน และ การท่องเที่ยว ซึ่งจะทำให้มูลค่าชายแดนเพิ่มขึ้นมหาศาลต่อปี นอกจากนี้สะพานมิตรภาพจะกลายเป็นส่วนหนึ่งของระเบียงเศรษฐกิจแม่โขง และเชื่อด้วยว่าจะช่วยเชื่อมโยงประเทศสมาชิกอาเซียนตามแนวระเบียงเศรษฐกิจตะวันออกตะวันตก
ทั้งนี้ สถิติจากกระทรวงพาณิชย์ ระบุว่าการค้าสองฝ่ายระหว่าง เมียนมากับไทยอยู่ปี 2560-2561 อยู่ที่ 5,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 1.58 แสนล้านบาท ปี 2559-2561 มูลค่า 1.36 แสนล้านบาท ปี 2558-2559 มูลค่า 1.52 แสน ปี 2557-2558 มูลค่ากว่า 1.8 แสนล้านบาท และ ปี 2556-2557 ประมาณ 1.7 แสนล้านบาท
สำหรับโครงการสร้างสะพานมิตรภาพแห่งที่ 2 ได้ดำเนินการก่อสร้างขึ้นเมื่อเดือน พ.ค. 2555 การก่อสร้างมูลค่า 3.9 พันล้านบาท สะพานยาว 270 เมตร ใช้เวลาสร้างแล้วเสร็จ 4 ปี โดยสะพานมิตรภาพไทย-เมียนมา จะเชื่อมทอดตามแนวระเบียงเศรษฐกิจตะวันออก-ตะวันตก ส่วนหนึ่งของกรอบความร่วมมือลุ่มแม่น้ำโขงกับญี่ปุ่น แผนโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ในภูมิภาค ระเบียงเศรษฐกิจตะวันออก-ตะวันตกเชื่อมเมืองดงฮา ประเทศเวียดนามกับเขตเศรษฐกิจพิเศษติละวา ของนครย่างกุ้งผ่านทางประเทศกัมพูชาและประเทศไทย
แผนมุ่งที่พัฒนาความเชื่อมโยงระหว่างกรุงเทพฯ และย่างกุ้งตามแนวระเบียงตะวันออก-ตะวันตก ซึ่งจะช่วยภาคธุรกิจที่มี ฐานอยู่ในกรุงเทพฯ ขยายห่วงโซ่การผลิตไปยังนครย่างกุ้งที่ เขตเศรษฐกิจพิเศษติละวา โดยที่ส่วนของระเบียงตะวันออก
ตะวันตกยังไม่เป็นทางหลวงระหว่างประเทศเพราะปัญหาคอขวด เช่น ขาดถนนคอนกรีต ปัญหาการจราจรในฤดูฝนและการจำกัดน้ำหนัก ขณะเดียวกันทางญี่ปุ่นวางแผนที่จะลดระยะเวลาเดินทางให้สั้นลงโดยสร้างสามสะพานในรัฐกะเหรี่ยง มอญ
ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งระเบียงตะวันออก-ตะวันตกคาดว่า จะลดเวลาขนส่งสินค้า ซึ่งเป็นระยะทาง 870 กิโลเมตรจากติละวาถึงกรุงเทพมหานคร(กทม.)ให้เหลือหนึ่งวันครึ่ง
ขณะที่นายวัลลภ วุฒาพาณิชย์ นายด่านศุลกากรแม่สอด ชายแดนไทย-เมียนมา อ.แม่สอด จ.ตาก กล่าวถึงมูลค่าการค้าชายแดน ตามสถิติการค้าชายแดน ด่านศุลกากรแม่สอด-เมียวดี ประจำไตรมาสที่ 3 ปี 2561 (เดือนเดือนเม.ย. -มิ.ย.) มีมูลค่ารวมการนำเข้าและส่งออก 20,598 ล้านบาท เป็นมูลค่าสินค้าส่งออก 19,290 ล้านบาท และ มูลค่าสินค้านำเข้า 1,308 ล้านบาท เมื่อเปรียบเทียบกับมูลค่าการค้ารวมรายไตรมาสในปีเดียวกัน พบว่าไตรมาสที่ 3 สูงกว่าไตรมาสที่ 1/2561 ร้อยละ 4.98 แต่ต่ำกว่าไตรมาสที่ 2 ร้อยละ 1.43 และเมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาสที่ 3 ของปีงบประมาณ ที่แล้ว พบว่า มูลค่าในไตรมาสที่3 ปี2561 สูงกว่าปี 2560 ที่ผ่านมาร้อยละ 11.19 โดยมูลค่าส่งออกสูงกว่ามูลค่านำเข้า 17,981 ล้านบาท
การค้าชายแดน แม่สอดรวม 3 ไตรมาสในปีงบประมาณปัจจุบันมีมูลค่าการค้ารวม 63,904 ล้านบาท สูงกว่ามูลค่าการค้ารวม 3 ไตรมาสของปีที่ผ่านมาซึ่งมีมูลค่า 63,868 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 0.06 สินค้าส่งออกที่สำคัญอันดับต้นๆ ใน 3 ไตรมาสของปีงบประมาณปัจจุบัน ได้แก่ เครื่องดื่มชูกำลัง, รถจักรยานยนต์, โทรศัพท์พร้อมอุปกรณ์, น้ำมันเบนซินและน้ำมันดีเซล, น้ำตาล เป็นต้น
ส่วนสินค้านำเข้ามูลค่าสูงอันดับต้นๆ ได้แก่ โคและกระบือ, เมล็ดถั่วลิสง, เศษเหล็ก, โทรศัพท์มือถือ, แร่พลวงและสิ่งประดิษฐ์ทำด้วยไม้ ซึ่งคาดว่ามูลค่าการค้าชายแดนในไตรมาสที่ 4/2561 มีแนวโน้มขยายตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยเปรียบเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันกับปีงบประมาณ 4/2560 ที่ผ่านมา อย่างน้อย 10% คือมูลค่าการค้าชายแดนด่านศุลกากรแม่สอด จะเติบโตขึ้นอย่างแน่นอน