การทำธุรกิจแต่ไม่มีใครเห็นก็เหมือนการเสียเวลาเปล่า เฟซบุ๊กก็เช่นกันครับ ถ้าคุณโพสต์คอนเทนต์ที่ได้ประโยชน์อย่างมาก แต่กลับไม่มีคนอ่าน หรือมันเข้าไม่ถึง ไม่ไปโผล่หน้านิวฟีดใครเลย แบบนี้ก็นับเป็นการเสียเงิน เสียแรง เสียเวลาโดยเปล่าประโยชน์แน่นอน ซึ่งลำพังคุณอาจจะสามารถแก้ปัญหานี้ได้ด้วยการบูสต์โพสต์ แต่กลับกันถ้าคุณเพิ่งเปิดเพจใหม่ และไม่อยากจะลงทุนเยอะ ไม่อยากเสียเงินแพง การทำตาม 5 วิธีนี้จะช่วยให้คนเห็นโพสต์คุณเยอะขึ้นได้แบบไม่น่าเชื่อเลย
1. โพสต์เฉยๆ ไม่ได้ ต้องมีอะไรประกอบด้วย
แน่นอนว่าพฤติกรรมของคนบนโลกออนไลน์นั้นไม่ชื่นชอบอะไรที่เสียเวลา เขาชอบอะไรที่ย่อยง่าย ดังนั้นคอนเทนต์ของคุณจึงไม่ควรทำอะไรที่ยืดยาว หรืออ่านยาก รวมถึงไม่ควรโพสต์สเตตัสอย่างเดียวลงไป ควรมีภาพประกอบ หรือคลิปวิดีโอร่วมด้วย ก็จะช่วยให้ผู้บริโภครู้สึกว่าโพสต์นั้นย่อยง่าย และน่าสนใจมากขึ้น ส่งผลให้เกิดการแชร์ การบอกต่ออย่างง่ายดาย ยอดไลค์ตามมาแน่นอน
2. ตั้งคำถามปลายเปิดเรียกคอมเมนต์
การโพสต์ธรรมดา ผู้บริโภคอ่านแล้ว ดูแล้วก็จบไป แต่กลับกันถ้าคุณหย่อนคำถามปลายเปิดทิ้งไว้ก่อนจบประโยค ก็จะทำให้เขารู้สึกว่าต้องพิมพ์ตอบ เหมือนมีเรื่องให้พูดคุยกันมากขึ้น เช่น คุณอาจจะโพสต์ข้อมูลเรื่องอาหารสุนัข (เพจคุณขายอาหารสัตว์) ซึ่งคุณสามารถทิ้งคำถามสุดท้ายก่อนจบโพสต์ได้ว่า “แล้วปกติเพื่อนๆ ให้น้องหมาทานอาหารยี่ห้อไหนบ้างครับ” ก็จะทำให้เกิดคอมเมนต์มหาศาล ซึ่งจะทำให้โพสต์ของคุณถูกมองเห็นมากขึ้น
3. เลือกเวลาการโพสต์ให้คนเห็นเยอะ
ข้อนี้สำคัญมาก เพราะการโพสต์ในแต่ละช่วงเวลาก็จะได้รับกลุ่มคนดูแตกต่างกันออกไป โดยจากการสำรวจพบว่า ช่วงเวลาการโพสต์ที่จะมีคนเห็น และกดไลค์ได้มากที่สุดคือ
– ช่วงเช้า 06.00 – 08.00 น.
– ช่วงกลางวัน 11.00 – 13.00 น.
– ช่วงเย็น 18.00 – 21.00 น.
ซึ่งการโพสต์ในช่วงเวลาเหล่านี้จะทำให้มีโอกาสถูกมองเห็นมากที่สุด เป็นช่วงเวลาพักจากการทำงานที่จะทำให้ผู้คนพร้อมสำหรับการเช็กอีเมล และเฟซบุ๊ก
4. ตอบอินบ็อกซ์แฟนเพจเสมอ
การตอบอินบ็อกซ์แฟนเพจอยู่เสมอเวลามีคนทักเข้ามา จะช่วยสร้างความสัมพันธ์ระหว่างแฟนเพจของคุณกับเจ้าของเฟซบุ๊กนั้น ทำให้เพจคุณแสดงบนหน้าฟีดเขามากขึ้น และมีโอกาสที่เขาจะเข้ามากดไลค์ได้สูงมาก ทำให้คุณไม่ควรพลาดในการตอบอินบ็อกซ์แฟนเพจทุกครั้งที่มีคนเข้ามาพูดคุย
5. สร้างคอนเทนต์ที่ตรงกลุ่มเป้าหมาย
สุดท้ายแล้วถ้าอยากจะได้คนสนใจมากๆ ก็ต้องสร้างคอนเทนต์ที่เขาจะแชร์ จะกดไลค์ขึ้นมา ซึ่งนั่นก็คือ การทำคอนเทนต์ให้ตรงกับกลุ่มเป้าหมายนั่นเอง ดูว่าเขาชอบอะไร กลุ่มเป้าหมายของคุณเป็นใคร และสร้างสรรค์คอนเทนต์ที่เป็นประโยชน์และตรงใจเขาขึ้นมา ไม่ว่าจะเป็นการให้ความรู้ หรือการบอกเรื่องราวที่เขาอาจจะยังไม่รู้ก็ได้