The stronger ฅนหัวใจแกร่ง EP.14 สมบัติ สิมหล้า พรแสวงของหมอแคนผู้ตาบอด


ตอนเด็กพ่อบอกว่า ตาเสียยังงี้ ต้องหาอาชีพเลี้ยงตัว อย่าไปพึ่งใคร ต้องพึ่งตนเอง ถ้ามีอาชีพติดตัวจะดี แคนน่ะพยายามฝึก แล้วมันจะสำเร็จเอง ท่านว่ายังงี้: สมบัติ สิมหล้า

รายการ The Stronger ฅนหัวใจแกร่ง ครั้งนี้ พาไปที่อำเภอบรบือ จังหวัดมหาสารคาม เพื่อไปสัมผัสเครื่องดนตรีพื้นบ้านที่เต็มไปด้วยมนต์เสน่ห์อย่างแคน พร้อมแขกคนสำคัญ คุณสมบัติ สิมหล้า หมอแคนผู้พิการทางสายตา แต่เปี่ยมไปด้วยพรแสวง โดยเขาเริ่มศึกษาการเป่าแคนจากพ่อ และฝากตัวเป็นลูกศิษย์หมอแคนอีกหลายคน จนสามารถยึดเป็นอาชีพ และได้รับเชิญให้แสดงร่วมกับวงต่างๆ ทั้งในและนอกประเทศ

คุณสมบัติเล่าว่า ตนเองพิการทางการมองเห็นมาตั้งแต่ทารก เนื่องจากหมอตำแยนำยาป้ายสะดือมาป้ายตา พอเริ่มโตขึ้นก็ไม่ได้เรียนหนังสือ แต่ด้วยประสาทสัมผัสทางการได้ยินยังดีอยู่ ทำให้ได้รับการปลูกฝังการเป่าแคนจากคุณพ่อ และหมั่นฝึกฝนเรื่อยมาจนเป็นที่รู้จัก และได้รับฉายาว่าหมอแคนนิ้วทองคำและแชมป์ตลอดกาล

ช่วงตนเองอายุ 3 ขวบ ขณะนั้นคุณพ่อที่เป็นหมอแคน ก็คอยสอนเป่าแคนให้ ซึ่งตนเองจะจดจำจากเสียง เพราะสอนตามแบบโบราณ ไม่มีโน้ต ช่วงวัยเด็กได้ไปเป็นขอทานอยู่กับป้า โดยจะพากันตระเวนเป่าแคนขอทานตามแถบภาคอีสาน ต่อมาก็เลิกขอทานไป เพราะมีคณะหมอลำชวนไปร่วมวงที่อำเภอประทาย จังหวัดนครราชสีมา จึงตัดสินใจเดินทางไป และร่วมวงกว่า 9 ปี ช่วงที่ออกมาขณะนั้นอายุ 25 ปี ก็ได้ไปประกวดเป่าแคนที่งานหม่องอีสาน จังหวัดสารคาม และได้อันดับ 1 จึงทำให้ตนเป็นที่รู้จักตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา

ตั้งแต่เด็กไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะยึดถือเอาการเป่าแคนเป็นอาชีพ แต่พ่อจะช่วยแนะนำว่า ตาเสียยังเงี้ย ต้องหาอาชีพเลี้ยงตัว อย่าไปพึ่งใคร ต้องพึ่งตัวเอง จนผ่านการฝึกฝน เรียนรู้ และสามารถเป่าแคนได้ 12 ลาย ซึ่งเป็นลายทั้งหมดที่มีอยู่ในการเป่าแคนของภาคอีสาน สำหรับวงดนตรีที่ได้ไปร่วมก็ได้แก่ วงฟองน้ำ ของอาจารย์บรูซ แกสตัน ซึ่งได้ไปร่วมกว่า 5 ปี

นอกจากนั้น คุณสมบัติยังมีดีกรีถึงมหาบัณฑิตกิตติมศักดิ์ และมีอีกบทบาทหน้าที่ นั่นก็คือ เป็นอาจารย์ให้กับมหาวิทยาลัยมหิดล และมหาวิทยาลัยนาฏศิลป์ จังหวัดร้อยเอ็ด รวมถึงมหาวิทยาลัยนาฏศิลป์ จังหวัดกาฬสินธุ์ โดยจะมีการส่งตัวแทนนักศึกษามาเรียนที่บ้าน บางคนอยู่ 2 วัน บางคนอยู่ 7 วัน แต่ต้องมีแคนมาเอง ซึ่งการเป็นหมอแคนทุกวันนี้ สามารถทำให้ตนเองมีรายได้มาสร้างคุณภาพชีวิตให้ดีขึ้น แต่สิ่งที่มีค่ายิ่งกว่านั้น คือความภาคภูมิใจที่ได้สืบสานวัฒนธรรมอีสานให้ยั่งยืน

สำหรับการมอบสวัสดิการคน แต่ก่อนจะไม่มีสวัสดิการคนพิการ ทำให้ต้องตะลอนไปหาขอทาน เวลาไปไหนมาไหนก็ลำบาก ทุกวันนี้ดีกว่าแต่ก่อนเยอะ เพราะได้เงิน 800 บาทต่อเดือน ส่วนค่ารักษาพยาบาลก็สามารถใช้บัตรคนพิการได้

สุดท้ายขอฝากว่า คนพิการหรือไม่พิการ อย่าไปย่อท้อ ถึงจะพิการ แต่ใจไม่พิการนะ ต้องให้จิตใจเหมือนคนปกติ มีอะไรก็สร้างสรรค์ไป และต้องมีดนตรีในจิตใจถึงจะดี