พิษเศรษฐกิจโลกฉุดดัชนีความเชื่อมั่น เม.ย. ทรุด!


ส.อ.ท.ดัชนีความเชื่อมั่นเอกชน เม.ย.ลดลงทุกตัว ชี้ความผันผวนเศรษฐกิจโลกทำพิษ หอการค้า ชี้ SME ทรุดเช่นเดียวกัน

นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า ผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประ กอบการเดือน เม.ย.2562 อยู่ที่ระดับ 95 ปรับตัวลดลงจากเดือนก่อนหน้าอยู่ที่ระดับ 96.3 ซึ่งเป็นการลดลงครั้งแรกในรอบ 4 เดือน

เนื่องจากผู้ประกอบการได้เร่งการผลิตไปในช่วงเดือนก่อนหน้า เพื่อชดเชยการผลิตในเดือน เม.ย.ที่มีวันหยุดต่อเนื่องในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ประกอบกับมีความกังวลต่อกำลังซื้อที่ลดลง โดยเฉพาะในส่วนภูมิภาค จากปัญหาภัยแล้ง รวมทั้งการส่งออกที่หดตัวตามการชะลอตัวของการค้าโลก ตลอดจนความกังวลเกี่ยวกับการเมืองในประเทศ และต้องการให้มีความชัดเจนเรื่องการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ เพื่อให้มีการกำหนดนโยบายเศรษฐกิจทั้งด้านการค้าและลงทุน

นอกจากนี้ คาดการณ์ดัชนี 3 เดือนข้างหน้ายังปรับตัวลดลงอยู่ที่ระดับ 101.9 ลดลงจากเดือนก่อนที่คาดการณ์อยู่ที่ระดับ 104.2 เนื่องจากผู้ประกอบการมีความกังวลต่อต้นทุนการผลิตที่มีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น

“ดัชนีความเชื่อมั่นเดือน เม.ย.ลดลงเป็นผลจากการที่ดัชนีทุกตัวตกลงแบบที่ไม่เคยเห็นมาก่อน ทั้งความเชื่อมั่นที่แบ่งตามกลุ่มอุตสาหกรรมที่เน้นตลาดในประเทศและต่างประเทศ แบ่งตามขนาดผู้ประกอบการรายใหญ่ กลาง เล็ก ล้วนอ่อนไหว แบ่งตามภูมิภาคก็มีความเชื่อมั่นตกลงทั้งหมดทุก 5 ภูมิภาค ทำให้ดัชนีเดือน เม.ย.ออกมาลดลง ตลอดจนดัชนีฯ คาดการณ์ 3 เดือนข้างหน้าก็ยังลดลงตามไปด้วย เป็นสถิติที่น่ากังวล” นายสุพันธุ์กล่าว

ทั้งนี้ ประธาน ส.อ.ท.ระบุว่าสิ่งที่อยากเห็นมากที่สุดในขณะนี้คือมีการจัดตั้งรัฐบาลโดยเร็ว และมีเสถียรภาพสามารถขับเคลื่อนนโยบายต่างๆ ให้เดินหน้าต่อไปได้

ส่วนนายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยถึงผลสำ รวจดัชนีความสามารถในการแข่งขันของธุรกิจ SME ทั้งภาคการผลิต ภาคการค้า และบริการประจำไตรมาส 1/2562 ทั่วประเทศ พบว่าลดลงเหลือ 48.7 จากไตรมาสที่ผ่านมาอยู่ที่ระดับที่ 49 โดยในจำนวนนี้พบว่าเอสเอ็มอีที่เป็นลูกค้าของ ธพว.ลดลงอยู่ที่ระดับ 55.5 ส่วนกลุ่มที่ไม่ได้เป็นลูกค้าของ ธพว. ดัชนีอยู่ที่ระดับ 41.6

นอกจากนี้ ยังพบว่าตัวชี้วัดลดลงทุกด้าน ทั้งสถานการณ์ธุรกิจที่ลดลงมาอยู่ที่ 43.7 เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ผ่านมาจากสถานการณ์สภาพคล่องหนี้สินโดยรวม ยอดขาย ตลอดจนกำไรสุทธิที่แย่ลง ด้านความสามารถในการทำธุรกิจก็ลดลงต่ำกว่าค่ากลางเหลือ 49.9 เนื่องจากต้นทุนต่อหน่วยสูงขึ้น มีผลต่อการตั้งราคาและกำไรจากการขาย และการเข้าถึงแหล่งทุนที่ยากขึ้น

“ภาวะเศรษฐกิจของผู้ประกอบการ SME ในปีนี้ คาดจะเติบโต 5% โดยเฉพาะเดือน พ.ค.นี้จะโตที่ 4.3-4.8% โดยภาพรวมถือว่าปรับตัวลดลงจากปีก่อนโตที่ 5.3% ซึ่งเป็นผลจากปัญหาด้านเศรษฐกิจในประเทศที่ยังไม่ฟื้นตัว” นายธนวรรธน์กล่าว.