ไฟเขียว CPH สร้างรถไฟฟ้าเชื่อม 3 สนามบิน


นายณัฐพร จาตุศรีพิทักษ์ โฆษกประจำรองนายกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ เปิดเผยว่า ที่ประชุมครม.อนุมัติและเห็นชอบ ตามที่สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกเสนอ เพื่อให้ รฟม. ร่วมลงทุนโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบินกับ CPH ผู้ชนะการประมูลเส้นทางสนามดอนเมือง- สุวรรณภูมิ – อู่ตะเภา มูลค่าการลงทุนในส่วนภาคเอกชน 117,226 ล้านบาท นับว่าต่ำกว่ากรอบที่ ครม.อนุมัติกรอบลงทุนไว้ 2,198 ล้านบาท ในวงเงิน 119,425 ล้านบาท ในส่วนการร่วมลงทุนของ รฟท. ร่วมลงทุน 14,965 ล้านบาท จะนำส่งให้ภาคเอกชน CPH สำหรับก่อสร้างรายปี 14,965 ล้านบาท ระยะเวลา 10 ปี จึงทำให้วงเงินลงทุนทั้งโครงการทั้งหมดจาก รฟท.และเอกชน รวม 224,500 ล้านบาท

โครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน (ดอนเมือง สุวรรณภูมิ อู่ตะเภา) เมื่อ ครม. เห็นชอบสัญญาการร่วมลงทุนระหว่าง ร.ฟ.ท. กับกลุ่ม CPH เตรียมลงนามสัญญา วันที่ 15 มิ.ย.นี้ตามแผน มั่นใจว่าการก่อสร้างโครงการจะแล้วเสร็จและเปิดให้บริการในปี 2567 โดยภาคเอกชนเป็นผู้รับภาระความเสี่ยงในการบริหารโครงการในการจัดเก็บค่าโดยสาร ตลอดอายุสัมปทาน 50 ปี จะทำให้มูลค่าโครงการเพิ่มขึ้นเป็น 3 แสนล้านบาท โดยทรัพย์สินทั้งหมดจะตกเป็นของรัฐ โดย ครม.ให้รับข้อสังเกตุของสำนักงานอัยการสูงสุดอย่างเคร่งครัด เช่น การส่งมอบพื้นที่ให้เอกชนเข้าดำเนินก่อสร้างโครงการ โดยไม่ทำให้ รฟท.ผิดสัญญา กำหนดให้มีหน่วยงานติดตาม กำกับ และบริหารสัญญาร่วมลงทุนอย่างใกล้ชิดตลอดอายุโครงการ

นายณัฐพร กล่าวเพิ่มเติมว่า ที่ประชุม ครม. ยังเห็นชอบโครงการรถไฟทางคู่สายใหม่ เส้นทางบ้านไผ่ จ.ขอนแก่น -มหาสารคาม – ร้อยเอ็ด – นครพนม วงเงินลงทุน 66,848 ล้านบาท ระยะเวลาก่อสร้าง 8 ปี (ปี61-68) รัฐบาลก่อสร้างเองทั้งหมด โดยสำนักงบประมาณจัดสรรงบประมาณให้ รฟท. ก่อสร้างก่อน 10,255 ล้านบาท จากนั้นกระทรวงคลังจัดหาเงินกู้ให้ รฟท. ในส่วนที่เหลืออยู่ โครงการดังกล่าวเป็นการพัฒนารถไฟสายใหม่ เชื่อมการคมนาคมขนส่งแนวตะวันออก-ตะวันตก ( Est-West Corridor) จากอ.แม่สอด จ.ตาก -พิษณุโลก -เพชรบูรณ์ -ขอนแก่น -ร้อยเอ็ด -มุกดาหาร ขนาดราง 1 เมตร ระยะทาง 355 กิโลเมตร เกิดสถานีใหม่ 30 สถานีผ่านพื้นที่ 6 จังหวัด รองรับผู้โดยสาร 3.83 ล้านคนในปี 69 ปริมาณขนส่งตู้สินค้า 748,453 ตัน มีผลตอบแทนทางเศรษฐศาสตร์ร้อยละ 13.49