นักท่องเที่ยวจีนในสหรัฐฯ สถิติต่ำสุดในรอบ 15 ปี คาดมาจากความสัมพันธ์ของประเทศที่ไม่สู้ดี


ตามรายงานของหน่วยงานการท่องเที่ยวของสหรัฐฯ พบว่าจำนวนนักท่องเที่ยวจากจีนที่เดินทางมาสหรัฐฯ ลดลงเป็นครั้งแรกในรอบ 15 ปี

เป็นเวลากว่าทศวรรษที่จำนวนนักท่องเที่ยวชาวจีนที่เดินทางมายังสหรัฐฯ มีการเติบโตขึ้นมาโดยตลอด แต่ในช่วงหลังกลับพบว่านักท่องเที่ยวชาวจีนกลับลดลง โดยนักท่องเที่ยวชาวจีนที่เดินทางมาสหรัฐฯ ลดลง 5-7% ในปี 2018 ซึ่งเหลือจำนวนเพียง 2.9 ล้านคนเท่านั้น และเป็นครั้งแรกตั้งแต่ปี 2003 ที่จำนวนนักท่องเที่ยวชาวจีนลดลง

แรงเสียดสีระหว่างสหรัฐฯ และจีน คือหนึ่งเหตุผลสำคัญที่ทำให้จำนวนนักท่องเที่ยวลดลง โดยโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่ทำสงครามการค้าด้วยการเพิ่มอัตราภาษีสินค้าที่มาจากจีนเป็น 25% ขณะที่จีนก็ออกมาตอบโต้เช่นกัน โดยเตือนนักท่องเที่ยวที่อยู่ในสหรัฐฯ ให้ระวังเรื่องความปลอดภัย เช่น การกราดยิง, การปล้น ตลอดจนค่ารักษาพยาบาลที่ค่อนข้างสูง

นอกจากนี้ยังมีเหตุผลอื่นๆ ที่ทำให้นักท่องเที่ยวจีนลดลงเช่นกัน คือความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจจีน ทำให้ชาวจีนไม่อยากเดินทางไปเที่ยวไกลๆ แต่มองหาสถานที่ท่องเที่ยวใกล้ๆ แทน โดย Wolfgang Georg Arlt ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยการท่องเที่ยวต่างประเทศ เผยว่า ร้อยละ 56 ของจำนวนนักท่องเที่ยวชาวจีนในช่วง 3 เดือนสุดท้ายของปี 2018 หันเดินทางไปฮ่องกง, มาเก๊า หรือไต้หวัน แทน อีกทั้งยังสังเกตได้ว่านักท่องเที่ยวชาวจีนมองหาประเทศจุดหมายปลายทางแปลกใหม่ เช่น โครเอเชีย, โมร็อกโก และเนปาล

ทั้งนี้ ที่ผ่านมาจำนวนนักท่องเที่ยวชาวจีนเดินทางมายังสหรัฐฯ มีอัตราเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2000 มีนักท่องเที่ยวชาวจีนจำนวน 249,000 คน เดินทางมายังสหรัฐฯ และเพิ่มขึ้นเป็น 3 เท่า ในปี 2010 ที่นักท่องเที่ยวชาวจีนจำนวน 802,000 คนเดินทางมายังดินแดนลุงแซม หลังจากนั้นนักท่องเที่ยวชาวจีนยังคงเพิ่มขึ้นจนมาลดลงในช่วงปีหลังๆ

ที่มา: aljazeera