ครม.เห็นชอบ มาตรการภาษีรักษาสิ่งแวดล้อม-หนุนSMEs-ดอกเบี้ยสลาก ธอส.


นายณัฐพร จาตุศรีพิทักษ์ โฆษกประจำรองนายกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ เปิดเผยว่า ที่ประชุม ครม. วันนี้( 4 มิ.ย. 62 ) เห็นชอบตามข้อเสนอของกระทรวงการคลัง มาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมบรรจุภัณฑ์ย่อยสลายได้เองทางชีวภาพ ด้วยการยกเว้นภาษีให้กับนิติบุคคลที่มีค่าใช้จ่ายสำหรับการจัดซื้อวัตถุดิบในการผลิตบรรจุภัณฑ์ย่อยสลาย

ทั้งนี้ นิติบุคคลสามารถนำรายจ่ายจากการซื้อบรรจุภัณฑ์พลาสติกที่ย่อยสลายได้เองทางชีวภาพ ซึ่งได้รับใบรับรองผลิตภัณฑ์จากกระทรวงอุตสาหกรรม นำมาหักเป็นรายจ่ายร้อยละ 25 สำหรับรายจ่ายตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2562 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2564 เป็นเวลา 3 ปี โดยมาตรการดังกล่าว ทำให้ภาครัฐสูญเสียรายได้วงเงิน 1,300 ล้านบาท แต่สามารถช่วยลดภาระในด้านการกำจัดขยะ การส่งเสริมภาคเอกชนหันมาดูแลสิ่งแวดล้อมได้มากขึ้น

นอกจากนี้ ครม. ยังเห็นชอบขยายเวลา มาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการดำเนินธุรกิจของเอสเอ็มอี ตามโครงการพี่ช่วยน้อง ที่ครบกำหนดมาตรการไปแล้วภายเมื่อสิ้นปี 2561 โดยการขยายเวลาออกไปอีกถึงจนถึง 31 ธันวาคม 63 เพื่อส่งเสริมให้เอกชนรายใหญ่เข้ามาดูแลช่วยเหลือผู้ประกอบการเอสเอ็มอีให้เข้มแข็งต่อไป

สำหรับมาตรการดังกล่าว เปิดให้บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลตามกฎหมายไทยที่มีสินทรัพย์ถาวรเกิน 200 ล้านบาท และการจ้างแรงงานเกิน 200 คน (เอกชนรายใหญ่) นำรายจ่ายหักลดหย่อน 2 เท่า แต่ไม่เกินร้อยละ 10 ของกำไรสุทธิก่อนหักรายจ่ายเพื่อการกุศลสาธารณะหรือเพื่อการสาธารณะประโยชน์ และรายจ่ายเพื่อการศึกษาหรือเพื่อการกีฬา เพื่อนำไปช่วยเหลือดูแล SMEs ที่มีสินทรัพย์ถาวรไม่เกิน 200 ล้านบาท และการจ้างแรงงานไม่เกิน 200 คน (เอสเอ็มอีน้อง) เป็นระยะเวลา 3 รอบระยะเวลาบัญชี

นายณัฐพร กล่าวเพิ่มเติมว่า ที่ประชุม ครม.ยังเห็นชอบยกเว้นภาษีดอกเบี้ยจากการซื้อสลากออมทรัพย์ ธอส. เงินฝาก ธอส. เพื่อส่งเสริมการออมเงินระยะยาว ให้เหมือนกับการฝากเงินกับ ธ.ออมสินและ ธ.ก.ส. เนื่องจาก ธอส. เตรียมแผนการออกรางวัลสลากออมทรัพย์ในเดือนสิงหาคม 62 นี้ สลากอายุ 3 ปี และยังมีแผนปล่อยสินเชื่อ เพื่อส่งเสริมให้ผู้มีรายได้น้อยและปานกลาง ขอกู้เพื่อซื้อบ้านวงเงินสินเชื่อปี 62 จำนวน 2 แสนล้านบาท เพื่อส่งเสริมการออมระยะยาวให้ประชาชนอีกด้วย