รู้จัก “ฉลากเขียว” เครื่องหมายช่วยสะท้อนความยั่งยืนของแบรนด์ต่อสิ่งแวดล้อม
ฉลากเขียวของประเทศไทย ริเริ่มขึ้นโดยองค์กรธุรกิจเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน (Thailand Business Council for Sustainable Development, TBCSD)
อุทยานแห่งชาติ ภูสอยดาว ที่นักท่องเที่ยวร่ำลือกันว่ามีป่าฝนธรรมชาติที่สวยที่สุด ดั่งสวรรค์กลางดิน กินพื้นที่ครอบคลุมป่าสงวนแห่งชาติป่าน้ำปาด ซึ่งอยู่ในพื้นที่สองจังหวัดคือ พิษณุโลก และอุตรดิตถ์
อุทยานแห่งชาติภูสอยดาว จังหวัดอุตรดิตถ์ เตรียมเปิดให้นักท่องเที่ยวขึ้นไปพักแรมบนลานสน ภูสอยดาว ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม นี้ หลังจากปิดการให้บริการพื้นที่บริเวณลานสนภูสอยดาว เพื่อฟื้นฟูธรรมชาติมาตั้งแต่เดือนมกราคม
โดยวันที่ 1 กรกฎาคมนี้ นักท่องเที่ยวสามารถขึ้นไปท่องเที่ยวและพักค้างแรมได้ ซึ่งใครที่เป็นนักท่องเที่ยวสายแอดเวนเจอร์น่าจะรู้จักที่เที่ยวนี้เป็นอย่างดี เพราะ มนต์เสน่ห์ของภูสอยดาวนั้น อยู่ที่ความครบเครื่อง อุดมสมบูรณ์ของป่า ตั้งแต่ก้าวแรก ที่เดินเข้าไปเลยทีเดียว อีกทั้งในช่วงเดือน กรกฎาคม– กันยายน ของทุกปี จะเป็นช่วงที่ “ดอกหงอนนาค” ดอกไม้ที่ถูกยกให้เป็นเอกลักษณ์แห่งลานสนแห่งนี้จะออกดอกบานสะพรั่ง ซึ่งปีนี้คาดว่าจะเป็นอีกหนึ่งปีที่ “หงอนนาค” จะออกดอกอย่างสวยงาม
สำหรับเส้นทางเดินเท้าจากน้ำตกภูสอยดาว ขึ้นสู่ยอดภูสอยดาว ระยะทางประมาณ 6.5 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินเท้าประมาณ 4 – 6 ชั่วโมง ผ่านเนินต่างๆ คือ เนินส่งญาติ เนินปราบเซียน เนินป่าก่อ เนินเสือโคร่ง และเนินมรณะ ซึ่งเป็นเนินสุดท้าย ที่ลาดชันที่สุด
ทั้งนี้ ภูสอยดาว ถือเป็นอีกหนึ่งภูในตำนานของคนเที่ยวป่า (ตามมาตรฐานทั่วไป) ที่ขึ้นชื่อในเรื่องของความโหดในการเดินจากพื้นราบตีนภูสู่ลานสนบนยอดภู ดังนันใครที่จะขึ้นไปพิชิตยอดภูสอยดาว จำเป็นต้องดูศักยภาพในการเดินของตัวเอง และควรเตรียมตัวฟิตซ้อมร่างกายมาก่อนล่วงหน้า เพื่อที่จะได้เดินขึ้น-ลงเขา ได้อย่างไม่ยากลำบาก