ถ้าเราไม่รู้จักให้ เราก็อย่าไปรับ หลายๆคนให้โอกาสผม ให้งานผม ตอนนี้ถึงผมจะมีไม่เยอะ แต่ผมสามารถที่จะแบ่งปันคนอื่นได้: เอกชัย วรรณแก้ว
รายการ The Stronger ฅนหัวใจแกร่ง ครั้งนี้ พบกับคุณเอกชัย วรรณแก้ว เจ้าของฉายา เอกแพนกวิน ศิลปินมหัศจรรย์ ชายพิการไร้แขน ที่ชื่นชอบงานศิลปะเป็นชีวิตจิตใจ แม้ร่างกายจะไม่เอื้ออำนวย แต่เขาก็ใช้ความรู้ความสามารถทั้งหมดที่มี ตั้งใจเล่าเรียนจนสำเร็จการศึกษา จากคณะจิตกรรมสากล มหาวิทยาลัยราชมงคลรัตนโกสินทร์ วิทยาเขตเพาะช่าง ทำให้คนในครอบครัวได้ภาคภูมิใจ และปัจจุบันนี้ เขาได้ใช้ความรู้ความสามารถในงานศิลปะ มาสร้างสรรค์ เพื่อแบ่งปันสิ่งดีๆให้กับสังคม
คุณเอกชัยเล่าว่า ความชอบศิลปะเริ่มขึ้นตั้งแต่ตอน พอเราเข้ามาศึกษาเราก็ได้เรียนตามระบบปกติ ของเด็กสามัญ แต่ว่ามีโอกาสดีคือ ได้เรียนร่วมกับเพื่อนๆที่ปกติ พอได้เรียนรู้ก็ยิ่งชอบ และมาตลอด แต่ด้วยความไม่ปกติของร่างกาย เราจึงต้องใช้ความพยายามมากกว่าคนอื่น แต่หัวใจเราพร้อม เราชอบมันจริงๆเลยลุยกับมัน
แต่การเรียนศิลปะมีค่าใช้จ่ายสูง ซึ่งพ่อแม่ผมไม่ได้เป็นข้าราชการ ไม่มีเงินเดือน เป็นชาวนา แม่ให้เดือนละ 2,000 สำหรับเด็กปริญญาตรีที่ไม่มีญาติในกรุงเทพฯ เราเลยต้องหารายได้เสริมไปด้วย ในมุมคนอื่นอาจจะไม่ค่อยมีปัญหา แต่สำหรับผมใครจะจ้างล่ะ แต่โชคดีรู้จักกับรุ่นพี่ แล้วรุ่นพี่ก็ชักชวนไปทำงานต่างๆ เช่น ไปเขียนรูป ไปรับจ้างเขียนกำแพง เขียนฉาก เลยพอส่งตัวเองเรียนได้
ชีวิตช่วงนั้นท้อแท้สุดๆ จนคิดว่าไม่ไหวแล้ว คิดว่าจะลาออก แต่พอนึกถึงภาพแม่ผมนั่งอยู่กับป้าๆน้าๆ คนข้างบ้าน แล้วแม่ก็เล่าให้เขาฟังว่าลูกจบอนุปริญญาตรีแล้ว ลูกอยากไปเรียนเพาะช่าง อยากไปเรียนกรุงเทพฯ อยากไปเรียนงานศิลปะ แต่ไม่อยากให้ลูกไป กลัวลูกลำบาก แล้วอีกอย่างลูกจะไปอยู่ยังไง กินยังไง เจ็บป่วยใครจะรู้ แต่ลูกขอไปก็ต้องให้ไป พอแม่พูดจบ มีป้าคนหนึ่งชี้หน้าแม่ผมแล้วพูดว่า ส่งลูกเรียนไปทำไม ส่งไปก็เรียนไม่จบ จบมาก็หางานทำอะไร ไอ้มือดีเท้าดีจบมายังตกงาน แค่มันจบอนุปริญญาก็บุญแล้ว ยังจะให้ลูกไปเรียนทำไม เสียทั้งเวลาเสียทั้งเงินเสียทอง เดี๋ยวลูกไปอยู่กรุงเทพฯรถชนตาย ใครจะรู้ เลยพยายามฮึดสู้ใหม่ แล้วบอกกับตัวเองว่าผมจะทำให้ดู
ช่วงเรียนจบมา ครอบครัวดีใจมาก เพราะในครอบครัวมีผมคนเดียวที่จบปริญญาตรี ซึ่งต้องขอบคุณป้าๆน้าๆ ในจุดนั้นที่เขาดูถูกเรา ถ้าเขาไม่ดูถูกเราก็คงไม่มีผมวันนี้ เพราะผมเอาคำดูถูกมาเป็นพลัง ผมชอบเอาชนะ โดยที่ไม่ไปเถียงเขา ไม่ไปด่าเขา แต่จะทำให้เขาดูว่าผมก็ทำได้นะ
ปัจจุบันผมมีโครงการชื่อว่าบ้านศิลปะเอกชัย เกิดขึ้นจากแรงบันดาลใจในการมาเรียนกับเด็กปกติหรือเข้าเรียนศิลปะไม่ใช่เป็นเรื่องง่าย และต้องใช้พลังงานเยอะ เลยอยากเปิดโอกาสให้ทุกคนที่รักงานศิลปะมีโอกาสฝึกฝน เรียนรู้ โดยไม่เก็บค่าใช้จ่ายเลยแม้แต่บาทเดียว ซึ่งผมเป็นคนสอน เป็นคนให้เนื้อที่ เป็นคนที่เปิดเวทีให้ แต่เงินค่าอุปกรณ์ ค่าสี ต้องซื้อมาเอง ส่วนเมื่อขายงานได้ คุณจะให้เงินกับโครงการเราเท่าไหร่ก็แล้วแต่คุณ ซึ่งเงินที่ได้รับมาก็จะเก็บไว้ให้น้องๆ รุ่นต่อไปที่ไม่มีเงิน
ผมจำคำพูดหนึ่งไว้ตลอดเวลา เขาบอกว่า ถ้าเราไม่รู้จักให้ เราก็อย่าไปรับ หลายคนให้โอกาสผม ให้งานผม ตอนนี้ถึงผมจะมีไม่เยอะ แต่ผมสามารถที่จะแบ่งปันตรงนั้นได้ ผมก็จะให้เช่นเดียวกัน โครงการนี้ก็เลยเริ่มเกิดขึ้นมา จนถึงตอนนี้ ก็ไปสอนตามชุมชนต่างๆ ด้วย ถ้าหากมีผู้ใหญ่ใจดี จะช่วยสนับสนุนตรงนี้ โครงการเราก็จะไปได้เร็วขึ้น
นอกจากโครงการบ้านศิลปะเอกชัย ตอนนี้ก็เป็นประธานโครงการอาสาศิลป์ โครงการดีๆอีกโครงการเพื่อมอบให้กับผู้ที่รักศิลปะ มีพื้นที่แสดงงาน แล้วก็เปิดโอกาสให้กับผู้สนใจที่จะมาช่วยเรื่องการกุศลต่างๆ ที่โครงการเรามีโอกาสทำร่วมกับชุมชน หรือแม้แต่ผู้คนที่เดือดร้อน โดยเป็นการใช้ศิลปะไปบำบัดหรือช่วยคน นอกจากนั้น งานอดิเรกก็มีเขียนหนังสือ เกี่ยวกับการสร้างแรงบันดาลใจ คือการเขียนเกี่ยวกับตัวเอง ว่ากว่าจะมาถึงวันนี้ เราเอาชนะอะไรมาได้บ้าง ประสบความสำเร็จอย่างไร ซึ่งเขียนหนังสือออกมาประมาณ 3 เล่มแล้ว อีกอย่างคือการเป็นวิทยากรสร้างแรงบันดาลใจ
แรงบันดาลใจต่างๆที่เราทำเพื่อสังคมเกิดจากการที่หลายองค์กร หลายสิ่งที่หยิบยื่นให้กับผม ผมจึงอยากส่งต่อโอกาสที่ได้รับให้กับคนที่คล้ายกับผมบ้าง ซึ่งเป็นความสุขอีกอย่าง ถึงแม้ตอนนี้จะยังไม่ได้มีเพียบพร้อม แต่ผมถ้ามีโอกาสก็จะหยิบยื่นให้คนเหล่านั้นโดยไม่ลังเลเลย
ท้อไหม บางทีก็ท้อนะ แต่ผมจะมีคำพูดคำพูดหนึ่งที่บอกตัวเองตลอด นั่นก็คืออย่าบอกตัวเองว่าทำไม่ได้ ทุกครั้งที่ยังไม่ได้ทำ ผมจะให้กำลังใจตัวเอง แล้วผมก็จะผ่านจุดๆนั้นมาได้