ฉุดไม่อยู่!! มูลค่าที่ดินทำเลทองเมืองกรุง “สีลม” ทะยานอันดับ 1 ต่อเนื่อง มูลค่า 1 ล้านบาท/ตร.ว. ด้านต่างจังหวัด สงขลา ครองแชมป์ราคาที่ดินแพงสุด 400,000 บาท/ ตร.ว. ขณะที่ จ.ลพบุรี ถูกสุด 20 บาท/ตร.ว.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กรมธนารักษ์เตรียมประกาศใช้ราคาประเมินที่ดินใหม่ ในรอบปี 2563-2566 โดยเฉลี่ยพบว่ามีราคาประเมินที่ดินทั่วประเทศสูงขึ้นถึง 11.37 %
ทั้งนี้ จากข้อมูลเบื้องต้นพบว่า พื้นที่กรุงเทพฯ-ปริมณฑล ราคาต่ำสุด-สูงสุด ปรับขึ้น 0.25-7.07% ขณะที่กรุงเทพฯ ปรับขึ้นเฉลี่ยเพียง 2.75% เนื่องจากภาวะราคาปรับตัวสูงขึ้นอย่างมากแล้วในช่วงหลายปีที่ผ่านมา
สำหรับราคาที่ดินที่ปรับเพิ่มขึ้นในพื้นที่ กทม. โดยเฉพาะในเขตพื้นที่เศรษฐกิจและที่อยู่อาศัยใหม่ ซึ่งมีเหตุปัจจัยของการคมนาคม และการขนส่งมวลชน โดยเฉพาะแนวรถไฟฟ้าบีทีเอสเดิม ได้แก่
1.ถนน สีลม มีราคาประเมินเดิมอยู่ที่ 700,000-1,000,000 บาท /ตร.ว. คาดว่าจะมีการปรับขึ้นเป็น 750,000-1,000,000 บาท/ตร.ว. โดยมีการเปลี่ยนแปลงเฉลี่ย 7.14 %
2. ถ.เพลินจิต ราคาประเมินเดิมอยู่ที่ 900,000 บาท/ตร.ว. ปรับขึ้นเป็น 1,000,000 บาท/ตร.ว. เปลี่ยนแปลงเฉลี่ย 11.11%
3. ถ.พระราม 1 ราคาประเมินเดิมอยู่ที่ 400,000-900,000 บาท/ตร.ว. ปรับขึ้นเป็น 400,000-1,000,000 บาท/ตร.ว.เปลี่ยนแปลงเฉลี่ย 11.11%
4. ถ.วิทยุ ราคาประเมินเดิม 500,000-750,000 บาท/ตร.ว. ปรับขึ้นเป็น 1,000,000 บาท/ตร.ว. เปลี่ยนแปลง 100%
5. ถ.สาทร ราคาประเมิน 450,000-750,000 บาท/ตร.ว. ปรับขึ้นเป็น 450,000-800,000 บาท/ตร.ว. เปลี่ยนแปลงเฉลี่ย 6.67%
6. ถ.สุขุมวิท ราคาประเมิน 210,000-650,000 บาท/ตร.ว. ปรับขึ้นเป็น 230,000-750,000 บาท/ตร.ว. เปลี่ยนแปลงเฉลี่ย 15.38 %
ขณะที่ราคาที่ดินในบริเวณพื้นที่ซึ่งกำลังมีการก่อสร้างรถไฟฟ้า และกำลังจะมีการเปิดใช้ในเร็วๆ นี้ อย่าง ถ.พหลโยธิน มีราคาประเมินเดิมอยู่ที่ 100,000-400,000 บาท/ตร.ว. ปรับขึ้นเป็น 130,000-500,000 บาท/ตร.ว. เปลี่ยนแปลงเฉลี่ย 30 %
เช่นเดียวกับ ถ.รามอินทรา ที่มีราคาประเมินเดิมอยู่ที่ 85,000-150,000 บาท/ตร.ว. ปรับขึ้นเป็น 100,000-170,000 เปลี่ยนแปลงเฉลี่ย 30.76 %
ด้านพื้นที่ปริมณฑล ได้แก่
1.นนทบุรี ราคาประเมินที่ดินอยู่ที่ 1,000-170,000 บาท/ตร.ว. เปลี่ยนแปลงเฉลี่ย 0.25 %
2.สมุทรปราการ ราคาประเมินอยู่ที่ 500-160,000 บาท/ตร.ว. เปลี่ยนแปลงเฉลี่ย 5.36 %
3.ปทุมธานี ราคาประเมินอยู่ที่ 600-100,000 บาท/ตร.ว. เปลี่ยนแปลงเฉลี่ย 7.07 %
4.สมุทรสาคร ราคาประเมินอยู่ที่ 350-70,000 บาท/ตร.ว. เปลี่ยนแปลงเฉลี่ย 3.58 %
5.นครปฐม ราคาประเมินอยู่ที่ 130-80,000 บาท/ตร.ว. เปลี่ยนแปลงเฉลี่ย 6.46 %
นอกจากนี้ ยังมีราคาประเมินที่ดินในพื้นที่ต่างจังหวัด ซึ่งมีการปรับชึ้นเช่นเดียวกัน โดย ภาคกลาง ราคาประเมินที่ดินสูงสุดอยู่ที่ จ.นครสวรรค์ ราคาอยู่ที่ 70-110,000 บาท/ตร.ว. จ.พิษณุโลก ราคาประเมิน 30-100,000 บาท/ตร.ว. และ จ.ลพบุรี ราคาประเมิน 20-100,000 บาท/ตร.ว.
ภาคเหนือ ราคาประเมินที่ดินสูงสุด อยู่ที่ จ.ลำปาง ราคาประเมิน 100-100,000 บาท/ตร.ว. จ.ลำพูน ราคาประเมิน 80-100,000 บาท/ตร.ว. และ จ.เชียงใหม่ ราคาประเมิน 25-51,500 บาท/ตร.ว.
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ราคประเมินที่ดินสูงสุด อยู่ที่ จ.ขอนแก่น ราคาประเมิน 50-200,000 บาท/ตร.ว. จ.อุดรธานี ราคาประเมิน 50-180,000 บาท/ตร.ว. จ.นครราชสีมา ราคาประเมิน 50-130,000 บาท/ตร.ว. และจ.อุบลราชธานี ราคาประเมิน 50-110,000 บาท/ตร.ว.
ภาคตะวันออก จ.ชลบุรี ครองแชมป์ราคาประเมินที่ดินสูงสุด ปัจจัยเพราะเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจของภาคตะวันออก และยังอยู่ในพื้นที่โครงการ EEC โดยมีราคาประเมินอยู่ที่ 200-220,000 บาท/ตร.ว. เปลี่ยนแปลงเฉลี่ย 28.23 % จ.ระยอง อีกหนึ่งจังหวัดในพื้นที่ EEC ราคาประเมินอยู่ที่ 100-100,000 บาท/ตร.ว. และ จ.จันทบุรี ราคาประเมิน 100-90,000 บาท/ตร.ว.
ราคาประเมินที่ดินภาคใต้ จ.สงขลา เป็นจังหวัดที่ราคาประเมินที่ดินสูงสุด รวมทั้งครองแชมป์อันดับ 1 ที่ดินแพงของต่างจัหงวัดอีกด้วย โดยมีราคาประเมินที่ดินอยู่ที่ 80-400,000 บาท/ตร.ว. จ.ภูเก็ต ราคาประเมิน 980-200,000 บาท/ตร.ว. จ.นครศรีธรรมราช ราคาประเมิน 60-200,000 บาท/ตร.ว. จ.สุราษฎร์ธานี ราคาประเมิน 100-150,000 บาท/ตร.ว.
ราคาประเมินที่ภาคตะวันตก จ.ประจวบคีรีขันธ์ เป็นจังหวัดที่มีราคาประเมินที่ดินสูงสุดของภาคที่ราคา 100-150,000 บาท/ตร.ว. จ.เพชรบุรี ราคาประเมิน 100-100,000 บาท/ตร.ว. และจ.ราชบุรี ราคาประเมิน 75-100,000 บาท/ตร.ว.
อย่างไรก็ตาม จังหวัดที่ราคาประเมินที่ดินต่ำสุดในปะเทศไทย ได้แก่ จ.บึงกาฬ มีราคาประเมินอยู่ที่ 130-7,000 บาท/ตร.ว.เท่านั้น