เตรียมถอน “นิติบุคคลล่องหน” เกือบหมื่นราย ป้องกันนำชื่อหลอกลวง ปชช.


กระทรวงพาณิชย์ จ่อถอนชื่อ “นิติบุคคลล่องหน” ขาดส่งงบการเงินต่อเนื่องเกิน 3 ปี พบ 8,519 ราย เข้าข่ายเป็นบริษัทร้าง เพื่อป้องกันการนำชื่อนิติบุคคลที่ไม่ได้ทำการค้ามาหลอกลวงประชาชน แนะธุรกิจก่อนลงทุนต้องตรวจสอบดีๆ

วันนี้ (15 ก.ค.62) นายวุฒิไกร ลีวีระพันธุ์ อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เปิดเผยว่า กรมฯ จะดำเนินการถอนทะเบียนห้างหุ้นส่วนบริษัทที่มีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ในเขตกรุงเทพมหานคร ออกจากทะเบียนจำนวน 8,519 ราย ด้วยเหตุจากการที่ไม่นำส่งงบการเงินย้อนหลังนานติดต่อกันเป็นระยะเวลา 3 ปี นับตั้งแต่ปีงบการเงิน 2558-2560 ซึ่งเป็นข้อสันนิษฐานว่ามิได้ทำการค้าขายหรือประกอบการงานแล้ว

ส่วนนิติบุคคลที่ตั้งอยู่ในต่างจังหวัด กรมฯ จะประสานสำนักงานพาณิชย์จังหวัดดำเนินการในแนวทางเดียวกัน และยังพบนิติบุคคลที่จดทะเบียนเลิกแล้ว แต่ไม่ดำเนินการชำระบัญชีให้เสร็จสิ้นภายใน 3 ปี จำนวน 3,959 ราย ส่งผลให้ชื่อของนิติบุคคลนั้นยังคงค้างอยู่ในฐานข้อมูลทะเบียนของกรมฯ ทำให้ข้อมูลไม่สอดคล้องกับจำนวนนิติบุคคลที่ยังมีตัวตนอยู่ในปัจจุบัน

 

 

“กรมฯ ได้ดำเนินการปรับปรุงฐานข้อมูลนิติบุคคลให้เป็นปัจจุบัน เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ ความมั่นใจให้แก่ประชาชนและภาคธุรกิจที่เข้ามาตรวจสอบข้อมูล และป้องกันความเสียหายจากกลุ่มมิจฉาชีพต่างๆ ที่จะนำชื่อนิติบุคคลไปใช้หาประโยชน์ จนส่งผลต่อประชาชน ผู้ร่วมค้า หรือผู้ร่วมลงทุน ที่อาจเข้าใจผิดว่านิติบุคคลเหล่านั้นยังคงดำเนินธุรกิจอยู่ และก่อให้เกิดความเสียหายจากการทุจริตหลอกลวงตามมา” นายวุฒิไกร กล่าว

ทั้งนี้ เมื่อนิติบุคคลได้ถูกถอนทะเบียนร้างแล้ว จะถือว่าสิ้นสภาพนิติบุคคล แต่ความรับผิดชอบของหุ้นส่วนผู้จัดการ กรรมการ ผู้จัดการ และผู้ถือหุ้นยังคงมีต่อไป แต่นิติบุคคลอาจฟื้นคืนสู่ทะเบียนได้โดยการร้องขอต่อศาลภายใน 10 ปี นับแต่วันที่นายทะเบียนขีดชื่อออกจากทะเบียน

ที่ผ่านมา ปัญหาการก่ออาชญากรรมด้านการหลอกลวงให้ร่วมทำธุรกิจ หรือการสร้างความน่าเชื่อให้กับธุรกิจที่ไม่มีตัวตน โดยอ้างว่ามีการจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจขึ้นจริงจนเกิดคดีความฟ้องร้องกันเป็นจำนวนมาก และเป็นประเด็นที่กรมฯ ได้ให้ความสำคัญในการป้องกันปราบปรามไม่ให้ปัญหาดังกล่าวเกิดขึ้น และขยายวงลุกลามไปกระทบกับเศรษฐกิจของประเทศ

ทั้งนี้ กรมฯ จึงขอแนะนำไปยังผู้ประกอบธุรกิจและประชาชนทั่วไปจะต้องตรวจสอบข้อมูลนิติบุคคลก่อนการลงทุนหรือดำเนินกิจกรรมทางธุรกิจทุกครั้งผ่าน 3 ช่องทาง คือ

1.สายด่วน 1570

2.www.dbd.go.th หัวข้อ DBD Datawarehouse

3.Application DBD e- Service ผ่านโทรศัพท์มือถือเพื่อเช็กสถานะนิติบุคคลได้ตลอด 24 ชั่วโมง