ค้าขายแบบออฟไลน์ ทำยังไงให้ได้ใจลูกค้าและมีคนมาใช้บริการเยอะๆ…
ยุคนี้ ไม่ว่าใครก็บอกให้ไปขายบนออนไลน์ ด้วยความที่ซื้อง่ายขายคล่อง ไม่มีเวลาเปิด-ปิด อยากดูสินค้าเมื่อไหร่ก็ได้ทุกที่ ทุกเวลา แต่ในอีกมุมหนึ่ง การค้าขายแบบออฟไลน์หรือการค้าแบบดั้งเดิมในรูปแบบของการมีหน้าร้าน ก็ยังคงมีลูกค้าส่วนใหญ่เลือกมาใช้บริการอยู่ไม่น้อย ด้วยจุดเด่นที่ตลาดออนไลน์มีไม่ได้นั่นคือการได้เห็น ได้สัมผัสสินค้าจริงๆ ทั้งรูปร่าง ขนาด การใช้งานจริง ได้สอบถามข้อมูลสินค้าจากแม่ค้าโดยตรงแบบไม่ที่ไม่ต้องสื่อสารผ่านตัวหนังสือ เป็นต้น
แต่ในยุคที่การค้าขายมีช่องทางให้ลูกค้าเลือกหลากหลาย ร้านค้าออฟไลน์จะทำยังไงให้รอดได้ท่ามกลางยุคดิจิทัลเฟื่องฟู ร้าน…จะอยู่ยังไง ลองมาดูวิธีปรับกลยุทธ์การค้าขายให้มีคนเข้าร้านมากๆ โดยไม่ง้อโลกออนไลน์กันดีกว่าค่ะ
1.ร้านเด่น เห็นง่าย น่าซื้อ
แม้ว่าทำเลที่ดี จะเป็นที่สุดของปัจจัยสำคัญของการค้าขาย แต่ก็ต้องแลกมาด้วยค่าเช่าที่สูงลิบ ไหนจะค่าเซ้ง ค่าส่วนกลาง ค่านู่นนี่จิปาถะ เอาล่ะ ถ้าร้านคุณอยู่ในที่ๆ ไม่ได้เลิศเลอ ลองมาเรียกลูกค้าด้วยหน้าตาของร้านที่โดนใจให้ใครเห็นก็ต้องสะดุดตา ใส่ไอเดียการจัดวางให้เป็นระเบียบ แต่เลือกง่าย ไม่ใช่เป๊ะเว่อ จนลูกค้าไม่กล้าหยิบมาลอง อย่าลืมว่าออฟไลน์มีดีที่จับต้องได้ ไหนๆ ก็เงียบเหงามานาน ลองลุกมาจัดร้านใหม่ ติดป้ายร้าน ติดราคาให้ชัดๆ ลดได้ไม่ได้บอกกันไปเลย มีโปรโมชันอยากให้ลูกค้า อย่าเก็บไว้ในใจ….ติดป้ายให้ใหญ่ อ่านชัดจัดเต็ม เชื่อเถอะว่าคนไทยส่วนใหญ่แพ้ใจให้ป้าย Sale! สีแดงมันแยงตา เห็นเมื่อไหร่ ลูกค้าคุณก็อดแวะมาเยี่ยมชมไม่ได้อย่างแน่นอน
2. รู้จักว่าลูกค้าคุณเป็นใคร เอาใจให้ถูกกลุ่ม
การตกแต่งร้านให้โดนใจ อาจจะทำได้แบบกว้างๆ แบบเหมาะกับคนทุกเพศ ทุกวัย ปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ผู้ซื้อเลือกซื้อคือ สินค้านั้นสามารถตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตได้ ถ้าหากร้านคุณขายของที่เป็นแบบมีกลุ่มลูกค้าเฉพาะลองใช้ธีมที่ใช่ ให้รู้ว่า ทาร์เก็ตจ๋า แม่ค้าอยู่ทางนี้ ดูค่ะ เพราะต่อให้ร้านค้าคุณมีสินค้าที่ลูกค้ามองหา แต่ถ้ามันเพียงแค่ถูกวางโชว์ไว้ในร้านก็อาจจะเปล่าประโยชน์
ขอยกตัวอย่างเจ้าไอเดียอย่างร้านค้าในญี่ปุ่น ร้านทาโกะยากิที่เด่นเรื่องทาโกะยากิไส้ปลาหมึก เลือกที่จะใช้ปลาหมึกตัวใหญ่เกาะไว้หน้าร้านเพื่อบอกให้รู้กันไปเลยตั้งแต่ปากซอยว่า ถ้าคุณอยากกินทาโกะยากิร้านที่มีปลาหมึกอร่อย ให้มองหาปลาหมึกตัวใหญ่ๆ ที่เกาะอยู่หน้าร้าน เป็นต้น
3. ประตูบานแรก : ภาพลักษณ์ผู้ขาย
เชื่อได้ว่าหลายๆ คนนอกจากจะมองจากตัวสินค้าแล้ว ยังมองภาพลักษณ์ของคนขายด้วยว่ามีบุคลิกภาพอย่างไร มีความน่าเชื่อถือหรือไม่ โดยบางครั้งผู้บริโภคอาจตัดสินใจซื้อสินค้าจากคนมากกว่าจากแบรนด์เสียอีก ลองคิดดูง่ายๆ ว่า หากคุณจะซื้อสินค้าสักชิ้นหนึ่งในร้านติดกัน 2 ร้าน ร้านที่ 1 คนขายแต่งตัวสะอาด ดูดี ยิ้มแย้มแจ่มใส ร้านถัดไป หน้าบึ้้งเหมือนเพิ่งตื่น เสื้อผ้าหน้าผมเหมือนชุดเมื่อคืน ลูกค้าอยากเข้าร้านไหนมากกว่ากัน ซึ่งคำว่าดูดี ไม่ได้แปลว่าต้องเป็นของแพงเสมอไป แค่ดูดี สะอาด เป็นมิตร พร้อมบริการ เพียงเท่านี้ก็มีลูกค้าอยากเข้าร้านแล้วล่ะค่ะ
4. ใส่เรื่องเล่า ให้มีเรื่องราวในสินค้า
ยุคที่การสื่อสารไม่มีวันหลับใหล การที่ร้านคุณถูกพูดถึงแบบปากต่อปาก เป็นการเปิดประตูร้านได้กว้างที่สุดแบบที่ไม่ต้องพึ่งจีพีเอสนำพาลูกค้ามาแต่อย่างใด ลูกค้ายุคนี้จะเสาะแสวงหา ค้นคว้าข้อมูลร้านของคุณทุกช่องทาง ให้ได้รู้ว่าคุณขายอยู่ที่ไหน เปิดเมื่อไหร่ ขายวันไหนบ้าง ขอเพียงคุณมี “สตอรี่” มาเล่าให้ฟังแบบเจ๋งๆ เท่านั้นเอง
จริงอยู่ว่า ของดีไม่ต้องเล่าเยอะ แต่อย่างน้อยต้องมีกิมมิคเล็กๆ เช่นร้านในตำนานอย่าง เช็งซิมอี๊ ที่ Smart SME ขอยกเป็น Case Study มาฝากกัน
เช็งซิมอี๊ คือร้านขายน้ำแข็งไส …ที่ใช้สโลแกนว่า “ลือลั่นสะท้านโลกันต์” ซึ่งตำนานมีอยู่ว่า
ย้อนไปเมื่อหลายปีก่อน หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ชาวจีนคนหนึ่งอพยพจากเมืองจีนด้วยเรือสำเภาด้วยความยากลำบาก นานนับเดือนเพื่อมาที่ประเทศไทย หอบเสื่อผืนหมอนใบมาเท่านั้น แต่มีสิ่งที่สวรรค์มอบให้คือ ความขยัน สู้งาน ทำทุกอย่างเพื่อให้มีรายได้เลี้ยงตัว
อากง….เริ่มจากงานกรรมกร รับจ้างปั่นสามล้อถีบส่งคน หาบเร่ขายของ ลองผิดลองถูกอยู่หลายอย่างจนค้นพบว่าเมืองไทยอากาศร้อน “ขนมหวานเย็นๆ” คือสิ่งที่ตอบโจทย์ อากงท่านนั้นมุ่งปรับสูตรขนมหวานของตัวเองไปเรื่อยๆ จนในที่สุดก็เกิดเป็นเมนูที่สร้างชื่อให้สะท้านโลกันต์ นั่นคือ “เต้าทึงน้ำลำไย” เมนูเดียวที่ขายดิบขายดี จนเริ่มพัฒนาจากหาบเร่ เป็นรถเข็น จากรถเข็นที่ใช้มือไสน้ำแข็งแบบเก่า มาสู่เครื่องไสที่ใช้มือปั่น
เริ่มมีเมนูน้ำแข็งไสใส่เครื่องต่างๆ จากรุ่นสู่รุ่นสืบทอดเป็นเจนเนอเรชันใหม่ในรุ่นหลาน เริ่มเปิดเป็นร้านสะท้านทั่วเมืองด้วยเครื่องไสไฟฟ้า มีจำนวนเครื่อง (ของที่เลือกใส่น้ำแข็งใส) กว่า 50 รายการ ให้เลือกใส่ ในปัจจุบัน จากวันนั้นถึงวันนี้ คนไทยก็ได้รู้จักร้าน เช็งซิมอี๊ เป็นเวลากว่า 60 ปีแล้ว…
นี่คือสตอรี่ ของร้านค้าที่ขายแบบมีหน้าร้าน มีที่มาที่ไปที่ เป็นร้านน้ำแข็งไสที่มีเรื่องเล่า….ว่าหากคุณอยากกินเต้าทึงน้ำลำไยรสชาติสะท้านโลกันต์ ต้องกินที่ร้าน เช็งซิมอี๊ ที่กว่าจะมาขนมในถ้วย อากงท่านหนึ่ง เริ่มจากงานกรรมกร รับจ้างปั่นสามล้อถีบส่งคน หาบเร่ขายของ ลองผิดลองถูกอยู่หลายอย่างจนค้นพบว่าเมืองไทยอากาศร้อน “ขนมหวานเย็นๆ”
……………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………
……………………………………………….นั่นเอง
ขอบคุณข้อมูลจาก : ร้านเช็งซิมอี๊