สัมผัสประสบการณ์การจ่ายเงินด้วยฝ่ามือ ตอบโจทย์ดิจิทัลไลฟ์


ภายในงาน Bangkok Fintech Fair 2019 ซึ่งจัดโดยธนาคารแห่งประเทศไทย มีหนึ่งเทคโนโลยีแบบไบโอเมตริกส์สุดล้ำ ใช้ในการยืนยันตัวตนแบบไร้การสัมผัส หรือที่เรียกว่า Palm Vein

การยืนยันตัวตนด้วยเทคโนโลยีชีวภาพ (Biometrics) ได้เข้ามามีส่วนสำคัญอย่างยิ่งในภาคการเงินการธนาคาร ขณะเดียวกันภาคธนาคารได้เชื่อมโยงระบบการดำเนินธุรกิจกับพันธมิตรมากขึ้น ประกอบกับภาครัฐเองได้ดำเนินโครงการการพิสูจน์และยืนยันตัวตนทางดิจิทัล (National Digital ID : NDID) ซึ่งเป็นระบบกลางในการยืนยันตัวตนทางดิจิทัลของประเทศ

ซึ่งธนาคารไทยพาณิชย์เองได้เข้าร่วมโครงการดังกล่าวด้วย ดังนั้นงาน Bangkok Fintech Fair 2019 จึงเป็นการเปิดโอกาสให้ภาคการเงินการธนาคารได้นำเสนอเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับการยืนยันตัวตนทางดิจิทัล ซึ่งในส่วนของธนาคารไทยพาณิชย์นั้น ได้นำเสนอเทคโนโลยีการยืนยันตัวตนด้วยการสแกนเส้นเลือดในฝ่ามือ หรือ Palm Vein

ธนาคารได้นำเทคโนโลยีการยืนยันตัวตนด้วยการสแกนเส้นเลือดในฝ่ามือ (Palm Vein) ภายใต้เครื่องหมายการค้า Fujitsu Palm Secure(TM) มาแสดงในงานดังกล่าว เนื่องจากต้องการนำเสนอความแตกต่างของวิธีการยืนยันตัวตนด้วยการใช้ Palm Vein เมื่อเปรียบเทียบกับการยืนยันตัวตนด้วยวิธีอื่นๆ อาทิ การจดจำใบหน้า (Facial Recognition) หรือ การสแกนลายนิ้วมือ (Fingerprint) เป็นต้น ทั้งนี้ Palm Vein นับเป็นเทคโนโลยีการยืนยันตัวตนที่มีการใช้อย่างแพร่หลายในประเทศต่างๆ อาทิ เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น ที่ใช้รูปแบบของการชำระเงินอัตโนมัติด้วยตัวเอง (self-checkout) ในห้างสรรพสินค้า ร้านสะดวกซื้อ หลังการเลือกซื้อสินค้าสิ้นสุด เพียงลูกค้าสแกนฝ่ามือเหนือ Palm Vein Sensor นั่นคืออีกทางเลือกของการชำระเงิน สามารถทดแทนการใช้บัตรเครดิต หรือ การสแกนด้วยคิวอาร์โค้ด ได้เช่นกัน

การยืนยันตัวตนด้วยเทคโนโลยีชีวภาพมีข้อดีแตกต่างกันออกไป การที่ธนาคารนำเสนอ Fujitsu Palm Secure(TM) เพื่อบ่งบอกถึงความเป็นผู้นำ และเปิดประสบการณ์ให้ลูกค้าได้เห็นถึงความแตกต่างของวิธี การยืนยันตัวตนสามารถทำได้หลากหลายรูปแบบ ไม่จำเป็นต้องเจาะจงเพียงแค่ยืนยันด้วยใบหน้าหรือลายนิ้วมือเท่านั้น อีกทั้งข้อดีของเทคโนโลยี Palm Vein คือความถูกต้องแม่นยำ สูงถึง 99.99999% เนื่องจากเป็น Hardware base ที่ไม่ต้องใช้ Data หรือ ระบบการเรียนรู้เหมือนเช่นการจดจำใบหน้า ซึ่งในอนาคตธนาคารมีโอกาสที่จะนำเทคโนโลยีนี้มาใช้จริงกับกลุ่มธุรกิจที่ต้องการความสะดวกสบาย เพื่ออำนวยความรวดเร็วในการชำระเงิน อาทิ ร้านค้าสะดวกซื้อ และซูเปอร์มาร์เก็ต เพื่อให้ลูกค้าได้งานจริงผ่านการชำระเงินแบบไร้รอยต่อ (seamless experience payment)