อาชีพที่สร้างรายได้เดือนละ 1 ล้านบาท ทำอะไรก็รวย ไม่ใช่หมอ หรือ วิศวกรอีกต่อไป โดยเฉพาะกลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ อดีตดาวรุ่งพุ่งแรง ปัจจุบันเจ๊ง! ไปก็หลายราย
วันนี้ เรามี 5 อาชีพที่คนๆ ทั่วไป ก็ทำได้ มีเงินในกระเป๋า 500 บาทหรือ 1 แสนบาท ก็สร้างรายได้หลักล้านได้ ดังนี้
1. เจ้าของแฟรนไชส์
อาชีพที่โครตรวย รายได้ขั้นต่ำ 1 ล้านบาท ยกตัวอย่างเจ้าของแฟรนไชส์ “ชาย 4 บะหมี่เกี๊ยว” ที่เริ่มต้นธุรกิจด้วยเสื่อผืนหมอนใบ แต่มีฝีมือด้านการทำก๋วยเตี๋ยว ก็มาขายก๋วยเตี๋ยวที่รสชาติอร่อย พอขายดีก็มีคนอยากรู้สูตร จากนั้นก็ขายสูตร
จนกลายมาเป็นธุรกิจแฟรนไชส์ที่เติบโตมานานหลายสิบปี แต่ก็ยังรวยขึ้น รวยขึ้น และรวยขึ้น เช่นเดียวกับแฟรนไชส์เครื่องดื่มที่ฮิตมาก ตระกูลชาต่างๆ ขายแก้วละ 20-25 บาท แต่เมื่อเอารายได้มารวมกันแล้ว ทำเงินให้กับเจ้าของธุรกิจแฟรนไชส์เหล่านั้นได้อย่างมหาศาล
ยกตัวอย่างเช่น
เจ้าของแฟรนไชส์ธุรกิจเครื่องดื่ม ชา แบรนด์หนึ่ง
ตั้งราคาขาย แฟรนไชส์ละ 59,000 บาท ผ่านไป 1 เดือน เมื่อคนเริ่มรู้จัก ขายแฟรนไชส์ให้กับแฟรนไชส์ซี (ผู้ที่มาซื้อแฟรนไชส์) 30 ราย
59,000 x 30 = 1,770,000 บาท (เฉลี่ยวันละ 1 สาขา)
เจ้าของแฟรนไชส์ ได้เงินล้าน (ยังไม่หักค่าใช้จ่าย)
ยังไม่จบเท่านี้…
สิ่งที่แฟรนไชส์ซี ต้องซื้อจากเจ้าของแฟรนไชส์ คือวัตถุดิบเฉพาะ เช่น ผงชา, แก้วชา หรือ ไข่มุก (ถ้ามี) เป็นต้น ซึ่งสิ่งเหล่านี้มักจะระบุในข้อสัญญาการซื้อขายแฟรนไชส์ว่าผู้ซื้อแฟรนไชส์ ต้องใช้วัตถุดิบที่มาจากแฟรนไชส์ต้นตำรับเท่านั้น ดังนั้น ประมาณการณ์ได้ว่าเงินที่แฟรนไชส์ซี ต้องจ่ายให้กับเจ้าของแฟรนไชส์ จะอยู่ที่อย่างน้อยๆ 10,000 บาท / เดือน
10,000 x 30 = 300,000 บาท
เมื่อหักค่าใช้จ่าย เจ้าของแฟรนไชส์จะมีกำไรอยู่ที่ประมาณ 70%
1,770,000 + 300,000 = 2,070,000 บาท
นี่คืออาชีพนักขุดทอง ที่ทำให้รวยหลักล้านกันมาหลายแบรนด์แล้ว
2. เจ้าของแบรนด์เครื่องสำอาง
ยุคนี้ ไม่ว่าใครก็เป็นเจ้าของเครื่องสำอางได้ โดยเฉพาะพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไปไม่ว่าผู้หญิงหรือผู้ชาย ก็สามารถซื้อหรือใช้เครื่องสำอางได้แบบไม่รู้สึกผิด ทำให้ธุรกิจนี้มีการเติบโตแบบก้าวกระโดดมานานหลายปี
จะเห็นได้จาก ไม่ว่าเซเลบ, ดารา, บุคคลที่มีชื่อเสียงต่างก็กระโดดเข้ามาร่วมวงในกาสร้างแบรนด์เครื่องสำอางของตัวเองกันอย่างมากมาย ด้วยช่องทางการขายที่มากขึ้น สร้างการรับรู้ได้ง่ายๆ ผ่านออนไลน์โดยการรีวิวให้เห็นจริง สั่ง-ส่งถึงหน้าบ้านทำให้กลายมาเป็นธุรกิจที่ฮอตแบบสุดๆ
โดยเฉพาะเรื่องของตัวเลขกำไรที่อยู่ที่สัดส่วน 70-80% ของต้นทุน เป็นใครจะไม่อยากขายถ้ามีจังหวะและโอกาส แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น การที่เจ้าของแบรนด์เครื่องสำอางมีการคิดกำไรเผื่อไว้เกินกว่าเท่าตัวของเงินที่ลงทุนไป เป็นเพราะนอกจากจะเป็นรายได้หลักเลี้ยงชีพ ยังต้องจ่ายให้กับบรรดาตัวแทนจำหน่ายด้วย ทำให้ไม่ว่าจะเป็นเจ้าของธุรกิจเครื่องสำอาง หรือจะเป็นตัวแทนจำหน่ายก็รับเงินอู้ฟู้ รวยหลักล้านไปตามๆ กัน
3. นักพูด
อาชีพที่จับเสือมือเปล่าโดนที่ไม่ต้องมีเงินลงทุนสักบาท แต่นักพูดสร้างรายได้เข้ากระเป๋าได้อย่างมหาศาล ทำให้หลายคนอยากเป็นนักพูด ที่พูดเพื่อให้ความรู้ต่างๆ ตามความถนัด เช่นถนัดเรื่องความรัก ก็พูดเรื่องความรัก, ถนัดการทำธุรกิจ ก็พูดเรื่อง การทำธุรกิจ เชี่ยวชาญเรื่องการออกกำลังกาย ก็พูดเรื่องการออกกำลังกาย เป็นต้น
นักพูดแบบเกรียนๆ ที่มีชื่อเสียงหรือเป็นที่รู้จัก (ไม่ถึงระดับประเทศ) จะมีรายได้ต่อการจ้างงาน เช่น งานสัมมนาต่างๆ ประมาณชั่วโมงละ 10,000 บาท แต่โดยส่วนใหญ่การจ้างนักพูดจะมีเวลาของการทำหน้าที่อยู่ที่ขั้นต่ำ 2 ชั่วโมง
ยกตัวอย่าง ใน 1 วัน
ช่วงเช้า นักพูด มีการรับงานในงานสัมมนางานหนึ่งเวลา 2 ชั่วโมง x 10,000 = 20,000 บาท
ช่วงบ่าย นักพูด มีการรับงานในงานสัมมนางานหนึ่งเวลา 2 ชั่วโมง x 10,000 = 20,000 บาท
เพราะฉะนั้น 1 วัน นักพูดมีรายได้ 40,000 บาท
ใน 4 สัปดาห์ นักพูดอาจจะเก็บวันไว้สำหรับพักผ่อน 10 วันต่อเดือน ฉะนั้น เหลือวันรับงาน 20 วัน
20,000 x 20 ชั่วโมง = 800,000 บาท
ยังไม่ถึงล้าน เพราะยังมีรายได้ทางอื่นๆ…
โดยส่วนใหญ่ นักพูดไม่ใช่แค่พูดเก่ง แต่ยังมีทักษะในการเขียน ฉะนั้นมักจะมีการเชิญให้เขียนโดยเป็นคอลัมนิสต์ให้เว็บไซต์ หรือ นิตยสาร หนังสือพิมพ์ต่างๆ หรือยิ่งไปกว่านั้นอาจจะเขียนหนังสือเพื่อตีพิมพ์ออกขาย จากความรู้และความถนัดส่วนตัว บวกกับการรับงานอีเวนต์ – ออกสื่อต่างๆ
งรวมประมาณ 200,000 บาท ก็เป็น นักขุดทองที่จับเงินล้าน ใน 1 เดือนได้แล้ว
4.Startup
สตาร์ทอัพ ไม่ต้องจ้างพนักงาน มีคนเดียว 2-3 คนก็ทำได้แล้วหากคุณตอบโจทย์ความต้องการของผู้คนได้
หากมองในกลุ่มของ Tech Startup มาประยุกต์เข้ากับการแก้ปัญหา (Pain Point) ที่เกิดขึ้นในบางจุดเช่น การสร้างแอปพลิเคชันหาคู่ Tinder ที่ทำออกมาเพื่อแก้ไขปัญหาคนหาคู่ยาก จนได้รับความนิยมอยากมาก หรือ ลาล่ามูฟ ที่ช่วยแก้ปัญหาการรับส่งสินค้า เป็นต้น โดยส่วนใหญ่จะเป็นสัดส่วนผู้ที่เข้าร่วมเป็นผู้ให้บริการ – เจ้าของแอปฯ ที่ 80 : 20 ยิ่งมีผู้โหลดแอปฯ มากเท่าไหร่ ก็ยิ่งทำเงินได้มหาศาลเท่านั้น ซึ่งการลงทุนในการสร้างแอปฯ อยู่ที่หลักหมื่น แต่สามารถสร้างรายได้ได้ที่หลักล้าน
ยกตัวอย่าง การสร้างรายได้ของ แอปพลิเคชัน Tinder
การจับคู่ คือการปัดเลือกเป้าหมายของคนที่คุณคิดว่าใช่ หรือ ตรงใจ ไปเรื่อยๆ ปัดไปเรื่อยๆ เมื่อมีการปัดหน้าจอเพื่อเลือกบ่อยๆ
แอปฯ จะแจ้งเตือนว่า คุณต้องสมัครบริการแบบพรีเมียม เดือนละ 399 บาทก่อนถึงจะมีโอกาสปัดเลือกคนได้แบบ Unlimit นั่นเอง
5.ขายของออนไลน์
ข้อดีคือ ไม่มีค่าเช่าที่ ไม่ต้องหาทำเล ถ้าไม่ปัง เปลี่ยนใหม่ได้ รวมถึงไม่ต้องมีเงินลงทุนก็ทำได้ เช่นการขายแบบพรีออเดอร์ที่ปัจจุบันได้รับความนิยมมากเปรียบเหมือนการเป็นนายหน้าโพสต์สินค้ารับออเดอร์ส่งให้เจ้าของร้านค้าออนไลน์ที่จะมีระบบทุกอย่างให้เหมือนเป็นเจ้าของร้านเสียเอง
ยิ่งคุณขยัน หรือมีกลยุทธ์สร้างยอดขายได้มากๆ ไม่ใช่แค่ 1 ล้าน แต่ยังทำเงินเป็นกอบเป็นกำได้ถึง หลายล้านต่อเดือน
หากคุณอ่านมาถึงตรงนี้ แนะนำว่า อย่ารอ เริ่มไปทำอาชีพที่จับเงินล้านต่อเดือนได้เลย…..
ติดตามทั้งหมดได้ที่ : YouTube Smart SME