ในฐานะที่เป็นหนึ่งในมนุษย์เงินเดือน ที่พยายามจะสร้างสมดุลระหว่างชีวิตส่วนตัวกับชีวิตการทำงาน ซึ่งตอนนี้มนุษย์เงินเดือนส่วนใหญ่จะเทน้ำหนักไปให้กับชีวิตการทำงานมากกว่า ก็จะให้ทำยังไงได้กับสภาพเศรษฐกิจตอนนี้ การแสดงออกว่าเป็นคนทุ่มเทให้กับงานเป็นสิ่งที่พึงกระทำมากกว่าเรื่องอื่นๆ
หลายคนคิดว่าการที่จะทำให้ตนเองก้าวหน้ากว่าคนอื่นในที่ทำงาน คือการที่ทำงานให้หนักกว่าคนอื่น ต้องตื่นตั้งแต่เช้าเพื่อจะเป็นคนแรกที่เข้ามาทำงาน และเป็นคนสุดท้ายที่จะกลับบ้าน หรือไม่ก็เร่งทำงานอย่างหนักอีกหลายชั่วโมงเมื่อคนอื่นกลับบ้านกันไปหมดแล้ว แต่วิธีการแบบนี้มันใช้ไม่ได้ในระยะยาว คนเราจะทำงานหนักได้ต่อเนื่องนานสักแค่ไหน สุดท้ายก็ต้องล้มป่วย
การทำงานหนักอย่างบ้าคลั่ง นอกจากจะทำให้สุขภาพเสียแล้วยังทำให้ชีวิตของตัวเองพังตามไปด้วย โดยเฉพาะคนที่มีครอบครัว ความเครียดของคุณจะตามติดตัวคุณกลับบ้าน คนรอบตัวจะสัมผัสได้ถึงความเครียดนั้น งานนี้เรียกได้ว่าพากันเครียดไปทั้งบ้านเลยทีเดียว
เรามีวิธีที่จะทำให้ประสิทธิภาพงานของคุณดีขึ้นแต่ใช้เวลาน้อยลง อ่านดูแล้วน่าสนใจใช่ไหม จากนี้ไปโบกมือลาการใช้แรงกายในการเพิ่มผลผลิตของงาน แต่ให้มาเน้นหรือทำการโฟกัสงานในช่วงเวลาที่เหมาะสมดีกว่า แล้วชีวิตของคุณจะเข้าสู่สมดุลได้ในเวลาอันรวดเร็ว
3 ขั้นตอนในการเร่งประสิทธิภาพการทำงาน
1.คุณต้องโฟกัสกับงานที่สำคัญ
อย่าพยายามทำงานทุกอย่าง คุณต้องรู้ตัวอยู่เสมอว่าพลังงานของคุณเองมีอยู่อย่างจำกัด การทุ่มเทพลังงานให้กับสิ่งที่สำคัญจริงๆ เป็นเรื่องที่ต้องทำ เพราะงานที่คุณโฟกัสจะออกดอกออกผลที่น่าพอใจออกมาเสมอ มันดีกว่าการที่คุณจะเอาเรี่ยวแรงไปทำเรื่องนั้นนิดเรื่องนี้หน่อย ได้งานแต่เพียงด้านปริมาณไม่มีงานที่เป็นคุณภาพเลย
2.หาช่วงเวลาทองของคุณให้เจอ
คุณรู้จักช่วง “เวลาทอง” ของคุณไหม หากใครยังหาไม่เจอให้ลองทบทวนดูว่าในแต่ละวันที่คุณนั่งทำงาน มีช่วงเวลาไหนที่คุณสามารถทำงานได้อย่างมีสมาธิและได้ผลงานออกมาดีที่สุด มันอาจจะเป็นเวลา 2 ชั่วโมงในช่วงเช้า หรือเวลาในช่วงบ่ายใกล้เลิกงาน ก็เป็นไปได้ทั้งนั้น หาช่วงเวลาแบบนั้นให้เจอแล้วทำการลงตารางนัดหมายกับตัวเองในช่วงเวลานั้น อย่ายอมให้ใครหน้าไหนมาแย่งช่วงเวลานี้ไปจากคุณ
3.ทำงานที่โฟกัสในช่วงเวลาทองของคุณ
จากนั้นก็ให้เอางานที่คุณ “โฟกัส” มาทำในช่วง “เวลาทอง” ของคุณ เพียงเท่านี้เองคุณก็จะพบว่า ประสิทธิภาพการทำงานของคุณจะเพิ่มขึ้น ความโดดเด่นของงานก็จะเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด คุณจะมีเวลาไปทำเรื่องอื่นเพิ่มมากขึ้น ในขณะที่ผลของงานออกมาเป็นที่น่าพอใจ
จากนี้ไปเลิกทำให้ร่างกายเหนื่อยเพื่อเพิ่มผลผลิต แต่ให้เปลี่ยนไปใช้สมองให้เหนื่อยในช่วงเวลาที่เหมาะสมแทน ผลงานจะออกมาดีกว่าเดิมหลายเท่า ทำให้คุณสามารถปรับสมดุลระหว่างชีวิตการทำงานกับชีวิตครอบครัวได้อย่างลงตัว
อ้างอิง: