The Age of Audience Intelligence ยุคใหม่ของการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึก เพื่อทำนายการตลาดในอนาคต


การก้าวเข้าสู่ยุคใหม่ของการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึก ครั้งแรกในประเทศไทย จากความร่วมมือของกูรูแห่งโลกการตลาดและโลกของดิจิทัล กษมาช นีรปัทมะ และ ฉกาจ ชลายุทธ กับการปฏิวัติบริการด้านการวิเคราะห์ข้อมูล (Data Intelligence) ที่ถือเป็นหนึ่งในอาวุธสำคัญในการวางแผนกลยุทธ์การตลาดและการสื่อสารให้เข้าถึงผู้บริโภคในปัจจุบัน นำเข้าสู่ The Age of Audience Intelligence

Chaos Theory เป็น Data Company ที่ทำนายอนาคตได้ ตามสโลแกน “We Predict Audience” ที่มีความเชื่อในสัมพันธภาพของสิ่งต่างๆ ที่อาจจะดูไม่เกี่ยวข้องกัน

นี่คือการเปลี่ยนรูปแบบการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกให้ลึกให้แม่นยำยิ่งกว่าเดิม ด้วย 4 บริการหลักอย่าง Cognitive Platform, Psychographic Analysis, Data Analysis และ Insight Consultant ที่จะนำเอา Big Data เข้ามาทำนายความเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรมผู้บริโภคยุคใหม่ได้อย่างแม่นยำ

Chaos Theory หรือแปลเป็นไทยว่า ทฤษฎีไร้ระเบียบ เป็นทฤษฎีที่อธิบายถึงลักษณะพฤติกรรมของระบบที่มีการเปลี่ยนแปลง โดยลักษณะการเปลี่ยนแปลงของระบบที่เรียกว่าเคออสนี้ จะมีลักษณะที่ปั่นป่วนจนดูคล้ายว่า การเปลี่ยนแปลงนั้นเป็นแบบสุ่มหรือไร้ระเบียบ แต่จริง ๆ แล้ว ระบบเคออสนี้เป็นระบบแบบไม่สุ่ม หรือระบบที่มีระเบียบ จึงถือเป็นหนึ่งในทฤษฎีที่เข้ามาอธิบายในสัมพันธภาพของสิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นโลกใบนี้ได้อย่างน่ามหัศจรรย์ พร้อมทั้งยังเป็นหนึ่งทฤษฎีสำคัญที่ช่วยในการไขปริศนาในอดีต ปัจจุบัน และอนาคตได้อย่างน่าสนใจ

กูรูด้านการตลาดอย่าง กษมาช นีรปัทมะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Chaos Theory กล่าวถึงจุดเริ่มต้นของการก่อตั้ง Chaos Theory ว่า ในยุคดิจิทัลเช่นทุกวันนี้ Big Data ถือเป็นขุมทรัพย์ที่สำคัญ และเป็นสิ่งที่มีบทบาทในการทำงานของแบรนด์และนักการตลาดในยุคปัจจุบัน ที่ในอดีตการทำการตลาดแบบดั้งเดิมมักประสบปัญหาข้อมูลที่จะใช้เพื่อการวิเคราะห์หรือวางแผนการตลาดไม่มีความชัดเจนและไม่สามารถสะท้อนความคิดของกลุ่มลูกค้าได้ แต่ปัจจุบันเราสามารถเข้าถึงข้อมูลเสียงสะท้อนจากผู้บริโภคได้ รวมถึงติดตามความเคลื่อนไหวหรือการมีส่วนร่วมกับสื่อโซเชียลมีเดียของแบรนด์หรือองค์กรได้ง่ายขึ้น และทำให้เราสามารถเก็บรวบรวมข้อมูล เพื่อนำไปวิเคราะห์และนำไปใช้งานได้อย่างเหมาะสมและมีประสิทธิภาพมากขึ้น และมากไปกว่านั้นการวิเคราะห์ข้อมูลนี้จะสามารถนำไปสู่การทำนายสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคตได้อย่างแม่นยำอีกด้วย

อีกหนึ่งกูรูจากโลกดิจิทัล ฉกาจ ชลายุทธ Co-Founder & Visionary แห่ง Chaos Theory อธิบายเพิ่มเติมว่า ส่วนใหญ่แล้วเครื่องมือหรือแพลตฟอร์มที่ให้บริการด้านการวิเคราะห์ข้อมูลในเมืองไทยจะเป็นในรูปแบบการเก็บข้อมูลเพียงอย่างเดียว ซึ่งการนำข้อมูลที่มีมาวิเคราะห์และนำไปสู่แพลตฟอร์มที่สามารถทำนายอนาคตได้ คือความท้าทายไปอีกขั้น จึงเป็นที่มาของการเปิดบริษัท Chaos Theory ขึ้น โดยใช้เวลาในการเก็บข้อมูลและออกแบบแพลตฟอร์มเป็นระยะเวลา 3 ปี จนถึงขณะนี้พร้อมให้บริการแล้ว โดยมีคลังข้อมูลมหาศาลกว่า 1,000 ล้านข้อมูล ประกอบไปด้วยข้อมูลที่เป็นข้อความ,ภาพ, เสียง, วิดีโอ และข้อมูลที่อื่นๆ ที่ปรากฎอยู่บนโลกออนไลน์

นอกจากนี้ คุณฉกาจ เล่าถึงจุดเด่นและความแตกต่างของเครื่องมือและแพลตฟอร์มของ Chaos Theory ว่า เครื่องมือและแพลตฟอร์มที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบันจะแจกแจงพียงแค่ว่าคนพูดอะไร พูดจำนวนมากเท่าไหร่ คีย์เวิร์ดบวก ลบอย่างไร แต่จะไม่รู้เลยว่าคนที่พูดเป็นใคร แต่สำหรับของ Chaos Theory จะเน้นการหาความเข้าใจของคนมากกว่า ไม่ได้สนใจว่า Reach มีจำนวนมาก หรือไม่สนใจปริมาณ (Quantity) แต่จะสนใจคุณภาพ (Quality) ว่าภายใต้เศรษฐกิจที่ชะลอตัว งบการตลาดที่มีอยู่จำกัด และการแข่งขันที่ค่อนข้างสูง จะลงทุนกับคนกลุ่มไหนแล้วคุ้มค่ามากที่สุด ซึ่งข้อมูลนี้จะทำให้นักการตลาดสามารถวางแผนได้แม่นยำและตรงเป้า ซึ่งการบริการนี้ถือเป็นหนึ่งในขั้นตอนของ Personalized Marketing ทั้งยังมีจุดเด่นในเรื่องของภาษาไทยต่างจากเครื่องมือและแพลตฟอร์มเมืองนอก

สถานการณ์ปัญหาที่เกิดขึ้นการตลาดดิจิทัลในปัจจุบัน พบว่า แม้โซเชี่ยล มีเดีย ในปัจจุบันจะมีข้อมูลที่แม่นยำ แต่ลูกค้ากลับประสบปัญหา Wall Garden หรือการที่เอาข้อมูลทุกอย่างไปฝากที่ระบบ แต่ระบบไม่คืนข้อมูลกลับมาให้ บริการ Audience Intelligence จึงช่วยพยายามนักการตลาดดิจิทัลหาตัวตนของกลุ่มเป้าหมายทั้งที่เป็นลูกค้าอยู่แล้ว และมีโอกาสหรือศักยภาพที่จะเป็นลูกค้าในอนาคตได้อย่างมีประสิทธิภาพ

4 บริการหลักของ Chaos Theory

1. Cognitive Platform มุ่งเน้นหาว่ากลุ่มเป้าหมายของลูกค้าเป็นใคร มีความน่าสนใจอย่างไร มีบุคลิกลักษณะอย่างไร และในอนาคตจะมีการเติบโตเพิ่มขึ้นหรือลดลงเท่าไหร่ ตามสภาวะเศรษฐกิจหรือฤดูกาลขาย เพื่อช่วยในการบริหารจัดการขายหรือการดำเนินธุรกิจให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น

2. Psychologic Insight มุ่งเน้นทำนายพฤติกรรมผู้บริโภคออกเป็นเซ็กเมนท์ต่างๆ ตามหลักการของ OCEAN m model ซึ่งเป็นมาตรฐานสากลแต่จะนำมาปรับใช้ให้สอดคล้องกับบริบทของผู้บริโภคชาวไทยเพื่อความแม่นยำในการทำนายพฤติกรรม

3. Data Analysis บริการวิเคราะห์ข้อมูลและนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดมากกว่าเคย หรือใช้ได้เต็มประสิทธิภาพ 100% และเพื่อสร้างโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ

4. Data Research งานบริการวิจัยข้อมูล และให้คำปรึกษาในทุกเรื่องที่ลูกค้าอยากทราบเกี่ยวกับข้อมูลที่มี ว่าจะเก็บข้อมูลนั้นอย่างไร ด้วยวิธีการไหน

สุดท้าย คุณกษมาช ได้กล่าวทิ้งท้ายว่า “สิ่งเล็กๆ สร้างการเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่ได้ เหมือนกับบริการ Audience Intelligence ที่เรานำเสนอ และเชื่อมั่นว่าเครื่องมือและแพลตฟอร์มที่มีประสิทธิภาพของ Chaos Theory นี้ จะสร้างความเปลี่ยนแปลงให้เกิดขึ้นในวงการตลาดดิจิทัลได้อย่างแน่นอน ขณะที่แผนธุรกิจในอนาคตตั้งเป้าเปิดให้บริการในต่างประเทศ โดยเริ่มต้นที่ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้”