แคสเปอร์สกี้ กลุ่มผลิตภัณฑ์ซอฟต์แวร์ป้องกันไวรัส เปิดเผยรายงาน Global Privacy Report 2018 ที่พบว่า ผู้ตอบแบบสอบถาม 39.2% เต็มใจที่จะเปิดเผยข้อมูลส่วนตัวเพื่อให้ได้ความปลอดภัยเพิ่มเติม อย่างเช่นการตรวจสอบหรือสอดส่องความปลอดภัยออนไลน์ ผู้ตอบแบบสอบถาม 22% สารภาพว่าแชร์ข้อมูลโซเชียลมีเดียเพื่อเล่นควิซต่างๆ ขณะที่ผู้ตอบแบบสอบถาม 18.9% ยอมรับว่ายอมสละความเป็นส่วนตัวเพื่อรับสินค้าและบริการฟรี เช่น ซอฟต์แวร์หรือของขวัญอื่นๆ
รายงานยังเปิดเผยว่า ผู้ตอบแบบสอบถามมากกว่าครึ่งหรือ 55.5% ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกช่วงอายุ 16-24 ปี และ 25-34 ปี คิดว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะมีความเป็นส่วนตัวครบถ้วนสมบูรณ์ในโลกดิจิทัลสมัยใหม่ โดยข้อมูลส่วนตัว เช่น ที่อยู่ วันเกิด รูปถ่าย ทำให้พบเจอเพื่อนและครอบครัวได้ง่ายขึ้นในเน็ตเวิร์ก
แต่โซเชียลมีเดียหลายรายก็ถูกรายงานว่าแอบสอดส่องผู้ใช้และกลายเป็นเป้าโจมตีของอาชญากรไซเบอร์ ผู้ตอบแบบสอบถาม 53.6% ระบุว่ามีผู้อื่นเคยเข้าถึงข้อมูลส่วนตัวหรือข้อมูลความลับโดยเจ้าตัวไม่ได้ยินยอม อัตราการรุกล้ำเข้าข้อมูลส่วนตัวออนไลน์เพิ่มสูงสุดที่กลุ่มผู้ใช้อายุ 16-24 ปี ที่ 57.1% ผู้ตอบแบบสอบถามยังระบุด้วยว่า ข้อมูลรั่วไหลทำให้ตนเองถูกรบกวนด้วยโฆษณาและเมลสแปมต่างๆ อีกทั้งยังทำให้เครียดและอับอายอีกด้วย
จากรายงานของแคสเปอร์สกี้ฉบับนี้ชี้ว่า ผู้ใช้ออนไลน์ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกเริ่มตระหนักถึงภัยคุกคามออนไลน์ด้วยมีตัวเลขผู้ใช้ถึง 56.7% ที่เลือกป้องกันดีไวซ์ของตนเองด้วยการใช้งานพาสเวิร์ด แต่ก็ยังขาดความระมัดระวังเมื่อแชร์สิ่งต่างๆ ในโซเชียลมีเดีย ทำให้ตกอยู่ในสถานการณ์เลวร้ายและบ่อยครั้งที่ก่อให้เกิดผลร้ายตามมาในระยะยาว
นายโย เซียง เทียง ผู้จัดการทั่วไปประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้แคสเปอร์สกี้ กล่าวว่า “รายงานของเราแสดงให้เห็นชัดว่า การตระหนักเรื่องความปลอดภัยของข้อมูลในภูมิภาคนี้เพิ่มสูงขึ้นจริง แต่ก็ยังมีการใช้ข้อมูลอย่างผิดๆ อย่างแรกคือการเปิดเผยข้อมูลส่วนตัวในโซเชียลมีเดียเพื่อแลกกับควิซประเภท ‘เราเป็นดอกไม้ชนิดไหน’ เป็นต้น ซึ่งสำหรับบริษัทขนาดใหญ่แล้วอาจมองว่าไม่มีพิษภัยอะไร แต่ในยุคดิจิทัลที่กระแสการใช้ดีไวซ์ส่วนตัวในการทำงาน หรือ BYOD การขโมยข้อมูลของพนักงานเพียงหนึ่งคน อาจกลายเป็นความล้มเหลวในการปกป้องออนไลน์ขององค์กรทั้งระบบ”
ทั้งนี้ แคสเปอร์สกี้แนะนำวิธีการปกป้องความเป็นส่วนตัวในโลกออนไลน์และใช้งานข้อมูลอย่างถูกต้อง ดังนี้
– คิดทบทวนก่อนโพสต์ลงโซเชียลมีเดีย พิจารณาผลที่จะตามมาหากข้อมูลนั้นจะเปิดเผยสู่สาธารณะ เช่น ข้อมูลนี้จะทำให้เกิดความเสียหายในปัจจุบันหรืออนาคตหรือไม่
– เก็บพาสเวิร์ดบัญชีออนไลน์ต่างๆ เฉพาะตัวเองรู้เท่านั้น การใช้งานบัญชีร่วมกับเพื่อนและคนในครอบครัวอาจดูเป็นความคิดที่ดี แต่เป็นไปได้ว่าพาสเวิร์ดนี้อาจตกไปอยู่ในมือมิจฉาชีพได้
– รักษาความเป็นส่วนตัวออนไลน์อย่างจริงจัง การแชร์หรืออนุญาตให้เข้าถึงข้อมูลแก่ผู้ผลิตแอปพลิเคชั่นเมื่อจำเป็นเท่านั้น เพื่อลดการเปิดเผยข้อมูลที่มิจฉาชีพกำลังรอคอย
– การใช้ผลิตภัณฑ์หรือโซลูชั่นเพื่อความปลอดภัยจะช่วยลดภัยคุกคามออนไลน์ได้ โซลูชั่น Kaspersky Security Cloud และ Kaspersky Internet Security เมื่อใช้ร่วมกับ Kaspersky Password Manager จะช่วยเก็บรักษาข้อมูลดิจิทัลอันมีค่าให้ปลอดภัย