อ่วมถ้วนหน้า! เปิดโผกลุ่มธุรกิจเคยฮิต จากยอดกระจาย สู่ตายไม่มีฟื้น


ยุคนี้ ถ้าจะพูดว่า “ออนไลน์ครองเมือง” คงยากจะปฏิเสธ เพราะไม่ว่าอะไรๆ ก็ย้ายไปอยู่บนออนไลน์แทบทั้งสิ้น ผู้ประกอบการ เจ้าของธุรกิจ เอสเอ็มอี รายย่อย รายเล็ก ที่เคยมีธุรกิจขายดีเป็นเทน้ำเทท่า มาวันนี้ต้องเททิ้งเพราะ…ขายไม่ออก การค้า บริการ ถูก Disruption แบบไม่ทันได้ตั้งตัว หลายเสียงเล็กๆ บ่นไปในทิศทางเดียวกันว่า ครั้งนี้ไม่ใช่เรื่องของการปรับธุรกิจเสียใหม่ ไม่ใช่เพียงแค่ ลดรายจ่าย เพิ่มคนซื้อ แต่เศรษฐกิจที่แย่ทำให้คนที่แม้จะมีกำลัง ก็ยังไม่อยากซื้อ คนรอดตายจึงเป็นคนที่มีสายป่านยาว 

ผู้ค้ารายหนึ่งที่เป็น คนเคยรวย ได้กล่าวไว้ว่า ณ ที่แห่งหนึ่งว่า

วันก่อน คนขายของเล่นตัวได้..อยากได้กำไรเท่าไหร่ ก็เลือกได้
วันนี้…ทำได้เพียงแจ้งราคา แล้วรอให้ ลูกค้า เปิดเช็คราคาในอินเตอร์เน็ต แบบตาดีได้ + กำไรเยอะก็เสีย (ลูกค้า)

….ไม่เพียงเท่านั้น สถานการณ์เศรษฐกิจที่ไม่สู้ดีในธุรกิจบางกลุ่ม ส่งผลให้แม้แต่คนเคยมีงานทำ ก็เริ่มร้อนๆ หนาวๆ เพราะบริษัทเอกชนหลายๆ แห่งมีข่าวการปลดพนักงาน, ลดขนาดธุรกิจ, ปรับโครงสร้าง ทั้งยุบ ทั้งย่อออกมาไม่เว้นแต่ละวัน เมื่อคนว่างงานจากการทำงานประจำ อาชีพยอดฮิตก็เป็นอะไรไปไม่ได้ นอกจากค้าขาย ทำให้จำนวนคนขายไม่ Balance กับคนซื้อ เกิดการแข่งขันที่สูง จนต้องมีการตัดราคาเพื่อให้ได้เป็นผู้ถูกลูกค้าเลือก จนล้มหายตายจากกันไปก็ไม่น้อย

วันนี้ เราได้รวบรวมธุรกิจอดีตดาวดังที่เคยขายดี มีลูกค้าเพียบ แต่โดนพิษเศรษฐกิจเล่นงานจนอาการปางตาย ติดป้ายเซ้งบางรายฟื้นไม่ไหวก็ถึงขั้นล้มละลายกันไปก็มี ดังต่อไปนี้

1. ร้านค้าปลีกแบบเช่าพื้นที่ขาย

 

 

ป้ายเซ้ง! ถูกใจสิ่งนี้…คนค้าคนขาย กำไรเคยมีพออยู่ได้ มาวันนี้แทบจะต้องซื้อขายกันเอง เพราะคนซื้อมาพร้อมเทคโนโลยีที่พร้อมสแกนหาสินค้าราคาถูก แม้จะถูกกว่ากันไม่เท่าไหร่ แต่ร้านค้าปลีกก็ยังต้องทำใจยอมรับเพราะยุคที่แม่ค้าออนไลน์ มีนายทุนเข้ามาแข่ง รับสินค้ามาล็อตใหญ่ ได้ราคาดีแถมมีโปรโมชัน ทำให้ร้านค้าปลีกอยู่ไม่ไหว ลำพังขายหน้าบ้านตัวเองยังพออยู่ได้ แต่หากต้องมีภาระค่าเช่าที่ ค่าน้ำ-ค่าไฟ สวนทางกับยอดขายที่หดตัวลง ทำให้ธุรกิจเหล่านี้มีอันต้องปิดตัว ล้มหายตายจากเป็นจำนวนมาก (ยังไม่รวมอีกหลายๆ ปัจจัยที่ทำให้ค้าปลีกไทยเจ็บ…สาหัส)

 

2. ร้านกาแฟรายย่อย

 

 

อดีตเคยขายดี พอเริ่มลืมตาอ้าปากได้ มีคู่แข่งรายใหญ่บ้างเล็กบ้างมาท้าชนแทบจะเปิดกันแบบร้านเว้นร้าน ร้านกาแฟรายเล็กๆ ก็เริ่มสั่นคลอน เพราะด้วยจำนวนตัวเลือกที่มากมาย บางแบรนด์เพิ่มบริการขายผ่านแอปฯ อยากกินเมนูไหนพร้อมจัดส่งให้ถึงหน้าบ้าน เพราะร้านใหญ่คิดหักลบกำไร ยังไงก็เหลือๆ ทำให้ตอบโจทย์คนไม่อยากไปไหน ร้านสแตนอะโลน จึงต้องอะโลนต่อไป อยู่ไหวก็อยู่ อยู่ไม่ไหวก็ติดป้ายเซ้งกันไป ตามระเบียบ

 

3. รับเหมาก่อสร้าง

 

 

ข้อมูลจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ระบุว่า กลุ่มธุรกิจก่อสร้างทั่วไป คืออันดับ 1 ของธุรกิจฮิตเจ๊ง แค่เดือนเดียวปิดตัวลงจำนวน 158 ราย ซึ่งก็ล้วนมาจากปัจจัยสารพัดเช่น คนงาน, แรงงานที่จ้างส่วนมากเป็นต่างด้าวผิดกฎหมาย แต่อยากได้กำไรก็ต้องใช้แรงงานราคาจ้างงานถูก เสี่ยงโดนจับ อีกทั้งงานไม่เสร็จตรงเวลา งานไม่มีคุณภาพเพราะลดสเปควัสดุ เพื่อบวกกำไร โดนปรับจากผู้จ้างงาน ไหนจะคู่แข่งตัดราคา ฯลฯ ทำให้ รับเหมาก่อสร้าง กลายเป็นแชมป์ ธุรกิจฮิตเจ๊ง มาแล้วหลายสมัย

 

4. รับถ่ายภาพ

 

 

ใครจะคิดว่า อาชีพเฉพาะทางอย่าง รับถ่ายภาพในวันสำคัญต่างๆ จะถูก Disrupt กับเขาเหมือนกัน เพราะโลกที่เต็มไปด้วยเทคโนโลยี ทำให้การถ่ายภาพหรือแต่งภาพ ไม่จำเป็นต้องใช้มืออาชีพหรือพึ่งโปรแกรมอย่าง Photoshop หรือ Lightroom เสมอไป เพียงแค่มีมือถือสเปคดีๆ ซักเครื่อง กับแอปฯ แต่งภาพเจ๋งๆ ก็ประหยัดไปได้เยอะ อีกทั้งอาชีพใหม่อย่างการถ่ายภาพฟรีแลนซ์ที่ไปถ่ายภาพสวยๆ ตามงาน ใส่ลายน้ำ หากลูกค้าอยากได้ค่อยจ่ายเงิน ก็กำลังฮิตสุดๆ ในขณะนี้ ช่างภาพมืออาชีพหลายรายจึงต้องอำลาอาชีพ แขวนกล้องไปอย่างน่าเสียดาย หรือถ้าโชคดีมีงานจ้างก็ไม่ได้คิวแน่นเหมือนเดิมอีกต่อไป

 

5. ภัตตาคาร, ร้านอาหาร

 

 

อีกกลุ่มธุรกิจที่ผลัดกันเจ๊ง ผลัดกันเซ้ง เหมือนสมบัติผลัดกันทำกิน ได้แก่ธุรกิจร้านอาหาร เพราะยุคนี้หลายๆ องค์ประกอบที่ทำให้คนเปิดร้านอาหารบอบช้ำ อยู่ในระยะทำใจ ไม่ว่าจะเป็นบรรดาแอปฯ สั่งอาหารที่คนมีบ้านก็เป็นเจ้าของร้านอาหารได้ แถมง่ายกับผู้บริโภคที่ชอบการใช้ชีวิตสโลวไลฟ์ ชิคๆ ชิลๆ อิ่มท้องได้แม้จะเพิ่งลุกจากที่นอน แถมร้านอาหารมีความเสี่ยงเพราะต้องการตุนวัตุดิบให้พอขาย ถ้าเตรียมน้อยเกินไป เกิดลูกค้ารีเควสเมนูนี้แล้วของไม่มี พาลไม่กินเลยก็เยอะ เมื่อไม่มีออเดอร์แบบวอร์คอิน (Walk-in) เข้ามาร้าน ก็ต้องปล่อยทิ้งแบบไม่มีทางไป จนต้องตัดใจเซ้งกันระนาว…

 

อย่างไรก็ตาม สัญญาณเศรษฐกิจถดถอย ท่ามกลางสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีน ที่มีข่าวว่า IMF เตรียมปรับลดตัวเลขคาดการณ์เศรษฐกิจโลกสำหรับปีนี้และปีหน้า ส่งผลให้มูลค่าเศรษฐกิจของโลกลดลงราว 0.8% หรือ 7 แสนล้านดอลลาร์ภายในปี 2563 ฉะนั้น ไม่ใช่แค่ผู้ประกอบการไทย ที่อ่วมอรทัยกันถ้วนหน้า แต่เป็นการชะลอตัวในวงกว้างที่สะเทือนเศรษฐกิจ…ทั่วโลก

ได้แต่หวังว่ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่รัฐบาลเร่งมืออย่างเต็มที่ในขณะนี้จะเริ่มเห็นผลและชุบชีวิต SME ไทยได้ในเร็ววัน