เจ็บมาเยอะแล้ว! มาดู 6 เทคนิคขายของออนไลน์ให้ปัง ปี 2020 มีแต่รวยกับรวย


การทำธุรกิจนั้นเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นง่ายมากในยุคสมัยนี้ ที่อินเทอร์เน็ตเข้าครอบครองทุกส่วนของผืนโลก ทำให้การเริ่มต้นต่างๆ ด้วยตัวคนเดียวสะดวกสบายกว่าสมัยก่อน แต่ในทางกลับกัน การสร้างธุรกิจขึ้นมาจาก 0 ไม่ได้การันตีว่ามันจะคงอยู่ต่อไปในระยะยาว หรือจะมีผู้ใช้บริการวกกลับมาซื้อซ้ำในทุกๆ เดือน 

ซึ่งสิ่งที่จะเป็นเครื่องช่วยการันตีว่าธุรกิจของคุณจะเป็นที่ถูกอกถูกใจ มีคนจดจำได้ และมีผู้ใช้บริการหนาแน่นอยู่ตลอดเวลา นั่นคือ การสร้างแบรนด์ ต่างหาก

เพราะการสร้างแบรนด์จะเป็นเหมือนการสร้างตัวตนขึ้นมา เพื่อให้ลูกค้าเข้าถึงสินค้าและบริการของคุณมากขึ้น จดจำคุณได้ง่ายขึ้น และส่งผลทางจิตวิทยาในการตัดสินใจซื้อสินค้าโดยตรง เมื่อไหร่ก็ตามที่ลูกค้าติดแบรนด์ของคุณ เมื่อนั้นไม่ว่าคุณจะทำอะไรมา ก็พร้อมจะขายได้แน่นอน และนี่คือ 6 วิธีสร้างแบรนด์ออนไลน์ที่ใครๆ ก็ทำได้! ในปี 2020 แถมใช้ได้กับทุกธุรกิจอีกด้วย

1. สร้างคาแรคเตอร์ให้สัมผัสได้

การสร้างแบรนด์ที่ถูกต้องนั้น ต้องเริ่มจากการวางคาแรคเตอร์ให้กับแบรนด์ของคุณก่อน วาดรูปขึ้นมาเลยก็ได้ว่าคุณจะให้แบรนด์คุณเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย มีลักษณะบุคลิกยังไง นิสัยใจคอเป็นแบบไหน ซึ่งมันจะสอดคล้องกับการออกแบบโลโก้ให้กับแบรนด์ของคุณ

เช่น คุณขายชุดนักเรียน คุณวางตัวเองเป็นแบรนด์ของคุณแม่ที่ใส่ใจลูก ก็จะทำโลโก้ออกมาให้เหมือนคุณแม่ เพื่อส่งตรงข้อความและการนำเสนอผ่านคาแรคเตอร์ของคุณแม่ได้อย่างง่ายดาย คนจะคล้อยตามได้ง่ายเมื่อทุกอย่างมันไปในทิศทางเดียวกัน

2. วางกลุ่มเป้าหมายให้ถูกต้อง

หลายๆ คนทำการค้าโดยไม่สนใจเรื่องของแบรนด์ และสุดท้ายก็ละเลยกลุ่มเป้าหมายไป เพราะคิดว่าสินค้าของตนขายได้กับทุกคน แต่ในความเป็นจริง การสร้างกลุ่มเป้าหมายขึ้นมาต่างหากที่จะเป็นตัวชี้วัดได้เหมาะสมที่สุด ว่าสินค้านั้นเหมาะกับใคร
ซึ่งจะช่วยในเรื่องของการทำการตลาด การออกโปรโมชั่น และการยิงโฆษณาผ่านทั้งช่องทางออนไลน์ และออฟไลน์ในทุกๆ แพลตฟอร์มได้อย่างมีประสิทธิภาพ สามารถจูงใจลูกค้าต่างๆ ได้ด้วยคอนเทนต์ที่คุณนำเสนออย่างตรงจุด

3. เลือกใช้โซเชียลให้ถูกแพลตฟอร์ม

สินค้าแต่ละอย่างก็จะมีโอกาสขายได้ในแต่ละแพลตฟอร์มออนไลน์ที่แตกต่างกันออกไป เช่น สินค้ากลุ่มเครื่องประดับ มักจะขายดีใน IG สินค้ากลุ่มออกกำลังกาย มักจะขายได้ใน Facebook หรือสินค้าของกินเล็กๆ น้อยๆ ที่ราคาไม่แพง มักจะทำการตลาดได้ประสบความสำเร็จเมื่อโปรโมทผ่าน Twitter

การเลือกใช้แพลตฟอร์มที่เหมาะสมในการสร้างแบรนด์ จะทำให้แบรนด์คุณกระจายไปได้ไว ใช้เงินน้อยลง แต่เข้าถึงผู้คนได้มากขึ้น

4. กระตุ้นลูกค้าให้เกิดความรู้สึกกับแบรนด์

หลายๆ แบรนด์ดังทั่วโลกมักจะกระตุ้นให้ลูกค้าเกิดความรู้สึกไม่ทางใดก็ทางหนึ่งเกี่ยวกับแบรนด์ของตน เช่น Starbuck ให้ความรู้สึกผ่อนคลาย สบายใจ ในการเลือกใช้บริการ หรือ KFC ที่ให้ความรู้สึกเป็นกันเอง สามารถหยิบไก่ขึ้นมากินด้วยมือได้โดยไม่ต้องมีฟอร์ม และอื่นๆ อีกมากมายที่แบรนด์เหล่านั้นสร้างตัวตนขึ้นมา

ซึ่งการเล่นกับจิตใจของคนนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย แต่คุณเองก็ทำได้เช่นกัน โดยการสร้างคาแรคเตอร์ในข้อ 1 และผสมผสานกับการทำการตลาด สร้างคอนเทนต์ที่ตรงจุดลงสู่แพลตฟอร์มที่เหมาะสมในข้อ 3 และทำมันเป็นประจำ ด้วยคอนเทนต์ที่สร้างสรรค์ และเป็นไปในทิศทางเดียวกับที่คุณตั้งใจ มันจะส่งผลให้เกิดการกระตุ้นลูกค้าให้รู้สึกกับแบรนด์คุณแบบที่คุณต้องการ

5. สร้างเอกลักษณ์อันโดดเด่น

ยุคสมัยนี้เป็นยุคที่คนไม่ได้ต้องการความสบาย ความหรูหรา หรือความประณีตอีกต่อไป แต่เค้าต้องการความ Unique หรือเอกลักษณ์ที่เป็นไลฟ์สไตล์อันโดดเด่น แตกต่าง ไม่เหมือนใคร

เช่น ถ้าคุณทำร้านกาแฟ ลูกค้าจะไม่เลือกเข้าร้านที่มีกาแฟอร่อยที่สุด แต่จะเลือกเข้าร้านที่มีการตกแต่งไม่เหมือนใครมากที่สุด หรือถ้าคุณเปิดร้านคาเฟ่ ลูกค้าจะไม่เข้าร้านคาเฟ่ที่น่ารักที่สุด แต่จะเลือกเข้าร้านคาเฟ่ที่มีเอกลักษณ์โดดเด่นไม่ซ้ำใครที่สุด เช่น คาเฟ่สัตว์เลี้ยง

โดยคุณสามารถสร้างความแตกต่างได้ง่ายๆ ตั้งแต่คอนเซปต์ของสินค้า จุดขายของสินค้า สูตรที่แตกต่างกับเจ้าอื่นๆ แพ็คเกจจิ้งที่ไม่เหมือนใคร รวมถึงการขอความคิดเห็นจากลูกค้าในการพัฒนาสินค้าคุณ
ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะทำให้คุณเหนือระดับและแตกต่างจากธุรกิจในเครือเดียวกันจนแบรนด์คุณกลายเป็นที่จดจำอย่างง่ายดาย

6. เพิ่มจุดขายให้คนจดจำ

สุดท้ายแล้วการมีจุดขายไม่ซ้ำใครก็เป็นอีกหนึ่งช่องทางการสร้างแบรนด์ที่น่าสนใจ เช่นการใช้ข้อความที่จดจำง่าย ได้ยินแล้วพูดต่อได้ทันที เช่น “รักคุณเท่าฟ้า” “หิวเมื่อไหร่ก็แวะมา” “คิดจะพัก” หรือ “ลูกผู้ชายตัวจริง”
ซึ่งข้อความสั้นๆ นี้ก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้คุณนึกถึงสินค้าใดสินค้าหนึ่งขึ้นมาในใจ ยิ่งถ้าคุณสร้างแบรนด์ตัวเองให้มีข้อความเหล่านี้มาเกี่ยวข้องได้ รับรองว่าแบรนด์คุณจะเป็นที่จดจำอย่างง่ายดาย และไม่มีคำว่าเอาท์ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปกี่ปีก็ตาม