สรุปจบครบสูตร “ดึงธุรกิจคุณสู่ดาว” ด้วยเทคนิคที่นักการตลาดขั้นเทพเขาใช้กัน


การตลาดนับเป็นหัวใจที่สำคัญที่สุดของการทำธุรกิจเลยก็ได้ เพราะเมื่อไหร่ก็ตามที่สินค้าดี แต่ไม่มีคนพบเห็น เมื่อนั้นก็ไม่มีทางที่คุณจะประสบความสำเร็จได้ ซึ่งเครื่องมือการตลาดออนไลน์ในยุคนี้มีให้เลือกใช้มากมาย ทั้งโซเชียลมีเดียแพลตฟอร์มต่าง ๆ รวมไปถึงการยิงแอดสู่กลุ่มเป้าหมายอย่างตรงจุด

แต่ในทางกลับกันคุณเองก็ไม่ควรทำสิ่งเหล่านั้นด้วยวิธีซ้ำ ๆ หรือโฆษณา โปรโมตไปโดยยังไม่มีแผนที่รัดกุม เพราะนั่นจะนำคุณไปสู่การเสียเงินโดยเปล่าประโยชน์

การทำโฆษณา การตลาดออนไลน์ที่ได้ผลและมีประสิทธิภาพมากที่สุดคือ การลงทุนให้น้อยที่สุด เพื่อให้เกิดผลลัพธ์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ดังนั้นการวางแผน และเรียนรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับตัวเองเหล่านี้ จะช่วยคุณประหยัดต้นทุน และเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างแน่นอน

ทำการตลาดเพื่ออะไร

เหตุผลสำคัญที่คุณต้องทำการตลาดนั่นเพราะ สินค้าของคุณ ต่อให้ดีแค่ไหน ก็ต้องอาศัยการโน้มน้าวใจให้ผู้คนตกหลุมรักและอยากใช้บริการอยู่ดี เพราะฉะนั้นมันเป็นไปไม่ได้เลยที่ธุรกิจคุณจะเติบโตอย่างรวดเร็ว ถ้าไม่พึ่งพาการตลาด
ซึ่งการตลาดจะช่วยให้คุณมองเห็นรูปแบบธุรกิจ และกลุ่มเป้าหมายของตัวเองได้อย่างชัดเจน และรู้ว่าอนาคตข้างหน้าคุณต้องทำอย่างไรต่อไป สามารถวางแผนล่วงหน้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ

เริ่มต้นด้วยการสำรวจตัวเอง

เครื่องมือการตลาดที่นักการตลาดทุกยุคทุกสมัยยังคงใช้งานกัน และเกิดประสิทธิภาพอย่างสูง นั่นคือ เครื่องมือ SWOT ANALYSIS หรือการวิเคราะห์จุดเด่นจุดด้อยของตัวเอง ซึ่งคุณจะไม่มีทางพัฒนาสินค้า หรือทำการตลาดได้อย่างดีเลย ถ้าไม่รู้ว่าตัวเองเด่นอะไร ด้อยตรงไหน รวมถึงโอกาสในการพัฒนาต่อไปเป็นยังไง
SWOT คือการมองหา จุดแข็ง จุดอ่อน โอกาส และอุปสรรคของธุรกิจทั้งหมด ซึ่งจะช่วยปิดจุดอ่อนเสริมจุดด้อยให้คุณได้อย่างมากทีเดียว

จุดแข็ง : ปัจจัยที่เป็นข้อดีขององค์กร ความสามารถที่โดดเด่นกว่าคู่แข่ง
จุดอ่อน : ปัจจัยที่ส่งผลเสีย หรือผลกระทบด้านลบ ข้อด้อยของธุรกิจ
โอกาส : ปัจจัยหรือสถานการณ์ภายนอกที่เอื้ออำนวยให้การทำงานง่ายขึ้น ดีขึ้น เกิดประโยชน์มากขึ้น
อุปสรรค : ปัจจัยภายนอกที่ส่งผลเสียต่อการดำเนินธุรกิจ เช่น อัตราดอกเบี้ยสูงขึ้น ราคาน้ำมันสูงขึ้น คู่แข่งออกสินค้าใหม่

ระบุเป้าหมายทุกอย่างให้ชัดเจน

หลังจากรู้แล้วว่าธุรกิจเรามีข้อดี ข้อเสีย หรือโอกาสยังไงบ้างนั้น การตั้งเป้าหมายจะช่วยให้เห็นหนทางที่ชัดเจน และรู้ว่าคุณต้องพัฒนาตัวเอง หรือเดินต่อไปอย่างไรเพื่อให้ถึงเส้นชัยที่ตั้งเป้าไว้ ซึ่งเป้าหมายนี้จะช่วยให้กระบวนความคิดของคุณเป็นรูปเป็นร่าง ชัดเจน และมีกำลังใจในการประกอบธุรกิจมากยิ่งขึ้น โดยเราสามารถเซ็ตเป้าหมายได้ด้วยเทคนิค SMART GOAL

S : เจาะจง
M : วัดผลได้
A : อ้างอิงถึงความเป็นจริง สมเหตุสมผล
R : เป้าหมายเกี่ยวข้องกับธุรกิจ
T : มีระยะเวลาที่แน่นอน

การที่คุณไม่ใช้ SMART GOAL จะทำให้คุณวางแผนและมองอนาคตอย่างเลื่อนลอย เช่น คุณต้องการให้ยอดขายคุณเติบโต ฟังดูแล้วแทบจะมองไม่เห็นหนทางใดๆ เพิ่มเติม

แต่ถ้าคุณใช้ SMART GOAL ระบุทุกอย่างให้ชัดเจน คุณจะได้เป้าหมายที่วางไว้คือ เพิ่มยอดขายให้ธุรกิจจาก 10,000 บาทต่อเดือน เป็น 20,000 บาทต่อเดือน ภายในระยะเวลา 2 เดือน ซึ่งถ้าจะทำแบบนั้นได้ ต้องดำเนินการขั้นตอนที่ 1 2 และ 3

ซึ่งจะเห็นได้ชัดเจนว่าการระบุสิ่งที่สำคัญต่าง ๆ ลงไป จะช่วยให้เห็นภาพมากขึ้น และทำให้คุณมีกำลังใจในการทำธุรกิจต่อไป เพราะมีเป้าหมายในหัวพร้อมกับรู้ทิศทางที่จะเดินทางต่อไปแล้วนั่นเอง

มุ่งทำคอนเทนต์อย่างเต็มรูปแบบ

การทำคอนเทนต์เป็นหนึ่งในกลยุทธ์ทางการตลาดที่ได้ผลดีที่สุด และมีประสิทธิภาพสูงสุด เพราะสามารถชักจูงผู้คนให้เห็นภาพ และเข้าใจถึงสินค้าคุณมากขึ้น ทั้งในแง่การใช้งาน และประโยชน์ใช้สอยต่างๆ
แต่ถึงแม้เทคนิคนี้จะดูเป็นอะไรที่ง่ายดาย ใครๆ ก็ได้ แต่ถ้าคุณไม่ได้ศึกษามาอย่างดี ก็มีสิทธิ์ที่สารที่ต้องการสื่อจะไปไม่ถึงกลุ่มเป้าหมายที่คุณต้องการ ดังนั้นก่อนจะเขียนหรือทำคอนเทนต์สักตัว ให้คุณตั้งเป้าเอาไว้ในใจด้วยว่า

1. เขียนให้ใครอ่าน
2. หัวข้อที่จะเขียนสื่อถึงอะไร
3. ใช้ภาษาโทนไหนในการเขียน เป็นกันเอง หรือทางการ
4. มีประโยชน์ต่อกลุ่มคนเหล่านั้นมากแค่ไหน

ซึ่งเป้าหมายเหล่านี้จะช่วยระบุการเขียนของคุณให้มีความชัดเจน และไปในทิศทางที่เหมาะสม สอดคล้องกับกลุ่มผู้รับ และทำให้การทำคอนเทนต์ครั้งนั้นได้รับการตอบรับอย่างดี

ปัจจัยที่ช่วยให้คอนเทนต์ประสบความสำเร็จ

สุดท้ายแล้วเมื่อคุณรู้จุดแข็ง จุดอ่อน รู้เป้าหมาย และรู้ถึงกลุ่มลูกค้าที่อยากจะสื่อสารด้วย การเข้าถึงพวกเขาในเทคนิคการตลาดอย่างเต็มรูปแบบจึงสำคัญ ซึ่งเครื่องมือที่ช่วยให้คนเหล่านั้นพบเจอคุณก็คือ

Keyword : การมุ่งเน้นศึกษาโครงสร้างการเขียนหรือพูดให้ติด Keyword เสมอ มีคำสำคัญที่คนจะใช้ในการค้นหาเป็นจำนวนมากอยู่ในบทความของคุณ จะช่วยเพิ่มโอกาสให้ลูกค้าค้นหาคุณเจอในแพลตฟอร์มต่างๆ โดยเฉพาะ Google

Conten Calendar : การวางเนื้อหาเอาไว้ว่าคุณจะโพสต์คอนเทนต์แบบไหนช่วงไหน ช่วยเพิ่มแบบแผนให้การทำงานอย่างมีระบบ และทำให้ Engagement ของคอนเทนต์นั้นๆ เพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เนื่องจากคอนเทนต์เรียลไทม์ที่เล่นกับวันสำคัญ หรือเหตุการณ์ต่างๆ จะดึงดูดผู้คนได้อย่างดี เช่น ทำคอนเทนต์เกี่ยวกับวันสำคัญ หรือรู้ล่วงหน้าว่าจะมีเรื่องราวอะไรที่เกิดขึ้น และสามารถหยิบยกเรื่องนั้นมาผลิตคอนเทนต์ได้ ก็จะเสริมให้คนเข้าถึงคุณเพิ่มมากขึ้น