เตรียมรับมือรถยนต์แห่งชาติรุ่นใหม่ของมาเลเซีย


โครงการพัฒนารถยนต์แห่งชาติรุ่นใหม่ของ มาเลเซีย (New National Car Project :NNCP) คาดว่าจะเป็นรถยนต์ประเภท C-segment ซึ่งคาดว่าจะมีการเปิดตัวรถต้นแบบในเดือน มีนาคม 2563 และออกสู่ตลาดได้ในปี 2564

ซึ่งนักวิเคราะห์คาดว่า ด้วยระดับเทคโนโลยีที่มีอยู่ ในประเทศในปัจจุบัน รถยนต์แห่งชาติที่จะ ออกมาอาจจะไม่ใช่รถยนต์พลังงานไฟฟ้าเต็มรูปแบบ แต่มีแนวโน้มจะเป็นรถยนต์ไฮบริดที่มี เครื่องยนต์สันดาปภายในร่วมกับระบบขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า

โดยมุ่งเน้นตลาดกลุ่มเฉพาะที่ไม่ใช่ตลาด ระดับ mass market รถยนต์แห่งชาติรุ่นใหม่ดังกล่าวจึงไม่ใช่คู่แข่งขันของรถยนต์แห่งชาติในปัจจุบัน เช่น Proton และ Perodua NNCP จะเป็นผลดีต่ออุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ภายในประเทศรวมทั้งอุตสาหกรรมเซมิคอนดัคเตอร์ สําหรับยานยนต์

ผ่านการถ่ายทอดเทคโนโลยีและการเชื่อมต่อกับผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ในค่าย Daihatsu, Toyota และ Geely เห็นได้จากประโยชน์ที่ได้รับจากการร่วมทุนของ Proton และ Geely ซึ่งทําให้รถรุ่นใหม่ๆ ของ Proton มีการใช้เทคโนโลยีล่าสุด เช่น ระบบความบันเทิงภายในรถยนต์ (intelligent infotainment)

ผลกระทบต่อประเทศไทย ไทยถือเป็นแหล่งนําเข้ายานยนต์และชิ้นส่วนสําคัญลําดับที่ 2 ของมาเลเซีย รองจากญี่ปุ่น โดยมีส่วนแบ่งตลาด คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 22.8 ของมูลค่าการนําเข้าทั้งหมดของมาเลเซีย

ในปี 2561 มาเลเซียมีการนําเข้า ยานยนต์และชิ้นส่วนจากไทยเป็นมูลค่า 1,627 ล้านเหรียญสหรัฐ การปรับเปลี่ยนในอุตสาหกรรมยานยนต์ ของมาเลเซียสู่ยานยนต์ไฟฟ้าจึงมีผลกระทบต่อไทยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

แม้ว่าปัจจุบันยานยนต์ไฟฟ้าของ มาเลเซียจะยังอยู่ในช่วงเริ่มต้น ด้วยข้อกําจัดด้านเทคโนโลยีและโครงสร้างพื้นฐาน อย่างไรก็ดี รัฐบาลมาเลเซีย ก็มีความพยายามที่จะกําหนดนโยบายเพื่อส่งเสริมอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าอย่างต่อเนื่อง และตั้งเป้าหมาย ให้มาเลเซียเป็นหนึ่งในตลาดยานยนต์ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าที่สําคัญของภูมิภาคภายในปี ค.ศ. 2030

โอกาสและแนวทางการปรับตัวของผู้ประกอบการ ผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมยานยนต์และชิ้นส่วนของไทยจําเป็นต้องหาแนวทางในการปรับตัวเพื่อรองรับ ตลาดยานยนต์ไฟฟ้าในอนาคต ทั้งในส่วนของการออกแบบ กระบวนการผลิต และสายการผลิต เนื่องจาก รถยนต์ไฟฟ้าจะใช้ระบบขับเคลื่อนและอุปกรณ์ที่แตกต่างไปจากเดิม อาทิเช่น ระบบส่งกําลัง ระบบไฟฟ้า ระบบควบคุมและซอฟต์แวร์ในรถยนต์ แบตเตอรี่และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ รวมไปถึงตัวถังและโครงสร้าง (body and frame) ที่ชาร์จ อุปกรณ์แปลงสัญญาณ (Converter) มอเตอร์ (motor) ระบบควบคุมอุณหภูมิ (temperature Controller) และระบบเบรกและระบบเกียร์ ในขณะที่ระบบท่อไอเสียจะลดความสําคัญลง

อ้างอิง: กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์