ปัจจุบันเมืองหลวงของลาวเจริญเติบโตไม่หยุดเพราะมีกลุ่มนักลงทุนจากไทยและต่างชาติทะลักเข้าไปด้วยหลากหลายโครงการ อาทิ ห้างสรรพสินค้าผุดขึ้นราวกับดอกเห็ด มีห้างสรรพสินค้าแบรนด์ดังๆ ห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ ๆ ประกอบด้วย ห้างเวียงจันทน์ เซ็นเตอร์, ห้างธาตุหลวงพลาซ่า, ห้าง I-Tec ช็อปปิ้ง มอลล์, ห้างวิวมอลล์ และห้างเวิร์ดเทรด เซ็นเตอร์ เพื่อรองรับกลุ่มนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกไปเที่ยวลาวไม่ต่ำกว่า 10 ล้านคน เนื่องจากปีทางรัฐบาลลาวเปิดจัดแคมเปญ”ปีแห่งการท่องเที่ยว 2562-63” นับเป็นครั้งแรกเพื่อกระตุ้นท่องเที่ยวตลอดทั้งเปิดประเทศสู่สายตาโลก
อีก 5 ปี GDP “ลาว” พุ่งทะลุในอาเซียน
จากข้อมูลของกระทรวงแผนการและการลงทุนแห่งสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ได้ประเมินก่อนหน้านี้ว่าทิศทางการค้าและการลงทุนในลาว ตั้งแต่ปี 2558 ไปถึงปี 2565 เทียบสัดส่วน ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ของลาว เมื่อเทียบกับ GDP อาเซียนทั้งหมดเพิ่มขึ้น 0.1% มูลค่า GDP หรือเพิ่มขึ้นเป็น 11.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐอเมริกา (จาก 14 พันล้านดอลลาร์ฯ เป็น 26 พันล้านดอลลาร์ฯ)
โดยเวียดนามเป็นประเทศใน CLMV (กัมพูชา ลาว เมียนมา เวียดนาม) ที่มีมูลค่าของ GDP และสัดส่วน GDP เพิ่มขึ้นมากที่สุดในอีก 5 ปีข้างหน้า โดยอัตราการขยายตัวเฉลี่ยของ CLMV อยู่ที่ 6.8% ต่อปี GDP ลาวอยู่ที่ 6.9% ซึ่งอัตราการขยายตัวของ GDP ของลาว ใน 5 ปีข้างหน้าจะมีอัตราการขยายตัวสูงกว่าอัตราการขยายเฉลี่ยของอาเซียน
สำหรับธุรกิจมาแรงและทางการลาวต้องการให้ไปลงทุนด้วยมากที่สุด 13 ประเภท ได้แก่
- เครื่องจักรการเกษตร
- รถยนต์
- อุปกรณ์และส่วนประกอบ
- เครื่องสำอาง
- คอมพิวเตอร์
- ผลิตภัณฑ์ตกแต่งบ้าน
- ร้านอาหาร
- เครื่องใช้ไฟฟ้า
- วัสดุก่อสร้าง
- ปลูกผลไม้
- ฟาร์มโคเนื้อพรีเมียม
- โรงชำแหละมาตรฐาน
- และฟาร์มออร์แกนิก
จากข้อมูลดังกล่าว ชี้ให้เห็นว่านักลงทุนไทยต้องเร่งขยับลงทุนให้เร็วมากที่สุดหากไม่อยากพลาดโอกาสการลงทุนครั้งนี้ เพราะอีก 5 ปีข้างหน้า ธุรกิจในลาวจะเปลี่ยนโฉมหน้าไปอย่างรวดเร็วจาก “ทุนจีน” ซึ่ง สิ่งที่จะได้รับผลกระทบแน่ ๆ คือ สินค้าไทยที่ขายในลาวนั้นกำลังเป็นที่หมายตาของจีน โดยจีนกำลังเร่งผลิตสินค้าคุณภาพเพื่อแทนที่สินค้าไทย และสกุลเงินหยวนจะเข้ามาแทนที่สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฯ และเงินบาท เพราะเมื่อธุรกิจส่วนใหญ่เป็นของจีน เงินที่ใช้ในการทำธุรกิจก็ต้องเป็นของจีนทั้งหมด
นอกจากนี้อีก 3 ปีข้างหน้า หรือ หลังปี 2564 สิ่งที่จะเกิดการเปลี่ยนแปลงต่อเศรษฐกิจของลาวเป็นอย่างมากนั้นก็คือ รถไฟความเร็วสูงจีน-ลาว จากคุณหมิงเชื่อมโยงมาถึงกรุงเวียงจันทน์ ระยะทาง 414 กิโลเมตร ซึ่งเป็นโครงการที่จะเปลี่ยนแปลงลาวจาก “Land Locked to Land Linked” ทำให้การเดินทางจากด่านบ่อหาร (Mohan) ไปกรุงเวียงจันทน์ จากเดิมที่ต้องใช้เดินทางนาน 2 วัน จะใช้เวลาเพียง 3 ชั่วโมง
คาดว่าหลังรถไฟจากคุนหมิงถึงกรุงเวียงจันทน์ทำให้มีนักท่องเที่ยวชาวจีนเดินทางเข้ามาเที่ยวลาวสูงถึงปีละ 10-20 ล้านคน จากปี 2561 นักท่องเที่ยวจากจีนเข้ามาในลาวมากกว่า 5 ล้านคน