หัวใจสำคัญที่จะทำให้ธุรกิจใดธุรกิจหนึ่งดำเนินไปได้ด้วยดีก็คงหนีไม่พ้น “ลูกค้า” “บริษัท” และ “คู่แข่ง” การที่คุณรู้จักในทุก ๆ ส่วนอย่างดีที่สุด รู้เขา รู้เรา และรู้ถึงลักษณะนิสัยของกลุ่มเป้าหมายที่ต้องการให้มาใช้บริการ นี่เป็นสิ่งที่จะทำให้ธุรกิจเติบโตไปได้อย่างแข็งแรงและยืนยาว
ซึ่งในช่วงต้นปีที่เป็นช่วงแห่งการเริ่มต้นใหม่นี้ คุณอาจกำลังมองหาแหล่งรายได้ทางใหม่ให้กับตัวเอง โดยการดูลู่ทางทำธุรกิจต่างๆ เอาไว้มากขึ้น ทั้งเปิดไลน์ธุรกิจใหม่ หรือขยายสาขาไปจากเดิม
เพราะฉะนั้นหลักการบริหารให้ธุรกิจประสบความสำเร็จข้อนี้คุณจะพลาดไปไม่ได้เด็ดขาด ซึ่งการบริหารแบบ 3C จะช่วยให้คุณมองเห็นภาพรวมธุรกิจอย่างชัดเจน รู้ว่าตัวเองต้องพัฒนาตรงไหน และปรับตัวยังไง ในยุคที่กระแสธุรกิจต่าง ๆ เปลี่ยนแปลงไปเร็วจนยากเกินรับมือ แต่คุณจะมีสติมากขึ้น และโฟกัสได้ถูกที่ ทำให้ธุรกิจทั้งใหม่และเก่าที่วางแผนไว้ไปได้ดีอย่างแน่นอน ด้วยกลยุทธ์ 3C นี้
Company
สำหรับตัว C ตัวแรกนี้มาจากคำว่า Company ที่หมายถึงตัวของคุณเอง คุณต้องเข้าใจตัวเองก่อนเลยว่าคุณคือใคร ทำอะไร และปัจจัยไหนบ้างที่จะทำให้คุณประสบความสำเร็จได้ การรู้เราจะทำให้คุณพัฒนาอย่างตรงจุด และรู้จุดเสียของตัวเอง พร้อมนำจุดเด่นที่มีมาตีตลาดได้อีกด้วย ซึ่ง 5 คำถามนี้จะช่วยให้คุณรู้จักตัวเองได้ดีขึ้น
1. สินค้าและบริการของเราคืออะไร
2. จุดแข็งจุดอ่อนของเราคืออะไร
3. การผลิตของเราใช้กระบวนการอะไร
4. มีแผนจะปรับปรุงพัฒนายังไงในอนาคต
5. จะวางสินค้าตัวใหม่ออกมาหรือไม่
การรู้เรานี้คล้าย ๆ กับหลักการของ S.W.O.T แต่จะลึกกว่านั้น เพราะคุณจะต้องวาดแผนการทำงานในอนาคตของคุณออกมาให้เห็นชัดเจน นอกจากข้อดีข้อด้อยแล้ว คุณต้องดูไปจนถึงไลน์การผลิตของคุณ วิธีการทำงานต่าง ๆ เพื่อรู้ว่าจะปรับปรุงและพัฒนาตรงไหนได้บ้าง สำคัญที่สุดคือการมองหาข่าวสารจากสื่อต่าง ๆ อยู่เสมอ เพื่อนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาปรับใช้กับธุรกิจ และทำให้งานทุกอย่างราบรื่นและง่ายขึ้นกว่าเดิม
Customer
C ตัวที่สองนี้หมายถึงกลุ่มลูกค้า หรือกลุ่มเป้าหมายของคุณที่จะต้องคอยสอดส่องพฤติกรรมของพวกเขาอยู่ตลอดเวลาว่าพวกเขาต้องการอะไร เป็นใครกันแน่ และมีลักษณะนิสัยแบบไหน เพื่อให้การตลาดของคุณทำงานได้อย่างราบรื่น รวมถึงการพัฒนาสินค้าต่างๆ ให้ตอบโจทย์กับกลุ่มเป้าหมาย และสร้างยอดขายที่ดียิ่งขึ้น ซึ่งคำถามทั้ง 6 ข้อนี้ช่วยคุณได้
1. กลุ่มเป้าหมายของเรามีมากแค่ไหน
2. มีโอกาสที่จะเพิ่ม หรือลดตัวลงมั้ย
3. แต่ละกลุ่มแตกต่างกันอย่างไร
4. ทุกคนมาซื้อสินค้าเราเพราะอะไร
5. ปัจจัยใดบ้างที่ส่งผลต่อการตัดสินใจซื้อสินค้า
6. การเข้าถึงสินค้าดีมากแค่ไหน
สุดท้ายแล้วเรื่องนี้ถ้ามองให้ลึกลงไปมันเป็นเรื่องของการตลาด ที่คุณจะต้องมองหากลุ่มเป้าหมายให้เจอ กำหนดรูปร่างของเขาออกมาให้เห็นเป็นเหมือนคนสักคน ศึกษาลักษณะนิสัย ใจคอ พฤติกรรมการใช้ชีวิต ยิ่งคุณจำลองบุคคลปริศนาคนนี้ให้เป็นคนจริงได้มากเท่าไหร่ จะยิ่งช่วยให้คุณเห็นภาพกลุ่มเป้าหมายดีขึ้น และรู้ว่าจะต้องทำการตลาดรูปแบบใดให้ตอบโจทย์นั่นเอง
Competitor
และตัว C ตัวสุดท้ายที่คุณหนีไม่พ้นที่จะต้องทำความรู้จัก คือ คู่แข่งของคุณเอง การทำธุรกิจโดยรู้ว่าคู่แข่งเดินไปทางไหน ทำอะไรอยู่ จะช่วยให้คุณประเมินศักยภาพของเขาได้ดีขึ้น รู้ว่าคุณควรจะแข่งกับเขาในรูปแบบไหน เขาลดราคา คุณเพิ่มปริมาณ หรือทำอะไรให้คุณไม่เสียหาย และกลายเป็นอันดับหนึ่งในตลาดได้ตลอดกาล หัวใจสำคัญคือ 6 ข้อนี้นี่เอง
1. คู่แข่งของคุณมีใครบ้าง ทั้งทางตรงและทางอ้อม
2. จุดแข็งของคู่แข่งแต่ละคนของคุณคืออะไร
3. จุดอ่อนของพวกเขาคืออะไร
4. กลยุทธ์ที่คู่แข่งใช้มีอะไรบ้าง
5. คู่แข่งมีลูกค้ามากน้อยแค่ไหน
6. อะไรทำให้ลูกค้าตัดสินใจใช้บริการเขา
สินค้าที่ดีใช่ว่าจะต้องขายได้มากกว่าเสมอไป คู่แข่งบางคนเน้นอาศัยกลยุทธ์การจูงใจด้วยการสร้างคอนเทนต์ให้ลูกค้าผูกพันกับตัวแบรนด์ สร้างสตอรี่ของแบรนด์ให้ลูกค้ารู้สึกเป็นส่วนหนึ่ง ทำให้ถึงแม้เขาจะมีสินค้าด้อยกว่า แต่ก็อาจขายได้มากกว่าคุณนั่นเอง