ปัจจัยลบ ที่ถาโถมกระหน่ำเข้าใส่ ไม่ว่าจะเป็นผลกระทบจากสงครามการค้าสหรัฐฯ-จีน เงินบาทที่แข็งค่าสูงสุดในรอบ 6 ปี การปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำจนส่งผลให้ต้นทุนพุ่งตามไปด้วย ทำให้นักกลุ่มนักลงทุนไทยต้องพากันปรับตัวชะลอการขยายการลงทุนในไทยมาตั้งแต่ปี 2563 ต่อเนื่องปี 2563 โดยเน้นไปลงทุนในประเทศเพื่อนบ้านเพื่อลดผลกระทบดังกล่าว
โดยเฉพาะตลาดเนื้อหอมอย่าง เมียนมา ยังคงเป็นที่น่าจับตาของบรรดานักลงทุน หลังจากทางการเมียนมาเปิดประเทศให้ชาวต่างชาติเข้าไปลงทุนได้แบบ 100% พร้อมปรับเปลี่ยนกฎระเบียบต่าง ๆ เพื่อให้เอื้อกับนักธุรกิจ ชื่อของ “เมืองมะริด” เป็นอีกหนึ่งหมุดหมายสำคัญที่เมียนมาตั้งเป้าให้เป็นเมืองการค้าการลงทุนและประตูเศรษฐกิจทางตอนใต้ของประเทศ เนื่องจากเป็นเมืองท่าสำคัญด้านการประมง มีทรัพยากรทางธรรมชาติสมบูรณ์มากโดยเฉพาะทรัพยากรในทะเล
ย้อนไปเมื่อ 8 ปีที่ผ่านมา เมืองมะริด ในห้วงเวลาที่ทางการเมียนมายังไม่เปิดประเทศอ้าแขนรับนักลงทุนเท่าที่ควร ทำให้ระบบคมนาคมสาธารณูปโภค อาทิ การเดินทาง ไฟฟ้า น้ำประปา ยังไม่พัฒนาเท่าขณะนี้ เพราะสิ่งเหล่านี้คือปัจจัยที่มีความจำเป็นต่อการใช้ชีวิตของประชากรที่มีชาวเมืองอาศัยอยู่ประมาณ 1 .4 ล้านคน แต่เมื่อทางการเมียนมาเห็นลู่ทางการเติบโตจากความได้เปรียบด้านต่าง ๆ จึงเร่งจัดสรรงบประมาณเดินหน้าพัฒนาอย่างต่อเนื่อง เพื่ออำนวยความสะดวกและหวังดึงดูดนักลงทุนต่างชาติหลั่งไหลเข้ามาลงทุน พร้อมแผนผลักดันให้ เมืองมะริด เป็นประตูเศรษฐกิจด้านการค้า การลงทุนแห่งใหม่ของเมียนมาในไม่กี่ปีข้างหน้านี้
“ปลดล็อก” ดึงดูดนักลงทุนต่างชาติทุกมิติ
ปัจจุบันเมืองมะริดมีความเพรียบพร้อมด้านฐานะการเงินเพราะมีความมั่นคงจากภาคอุตสาหกรรมประมง แต่สิ่งหนึ่งที่เป็นปัญหาที่เปรียบเสมือนกุญแจล็อคเอาไว้ คือ ความไม่พร้อมด้านสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานที่ไม่คืบหน้าเท่าที่ควร เป็นเพราะยังขาดนักพัฒนามืออาชีพ แม้ว่ารัฐบาลเมียนมาได้จัดสรรงบประมาณเข้ามาสนับสนุนเต็มที่ แต่ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้าการคมนาคมจะสะดวกมากยิ่งขึ้นเพราะมีนักพัฒนาด้านคมนาคมจากต่างชาติเข้าไปวางแผนให้
นี่คือโอกาสที่ คุณวีระ ศรีวัฒนตระกูล นายกสมาคมส่งเสริมพัฒนาการค้าการลงทุนประจวบ-มะริด ให้ความเห็นว่า ปี 2563 ถือเป็นโอกาสทองที่นักลงทุนไทยควรเร่งเข้าไปลงทุนในเมืองมะริด เพราะการเข้าไปลงทุนก่อนย่อมได้เปรียบคู่แข่ง เนื่องจากสภาพเศรษฐกิจของมะริดช่วงนี้กำลังบูมต่อเนื่อง เพราะได้รับอานิสงส์จากรัฐบาลเมียนมาเปิดเมืองให้นักลงทุนต่างชาติเข้าไปลงทุนแบบ 100% โดยเฉพาะธุรกิจภาคอุตสาหกรรม อสังหาริมทรัพย์และพาณิชย์ น่าลงทุนมากที่สุดเพราะกำลังเติบโตแบบก้าวกระโดด
“ไม่กี่ปีต่อจากนี้มะริดจะเป็นเมืองที่มีการพัฒนาเจริญก้าวหน้าทางเศรษฐกิจมาก เพราะปัจจุบันมีการทำถนนจากจุดผ่านแดนด่านสิงขร จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เชื่อมไปถึงมะริด เท่ากับเป็นการเปิดประตูเศรษฐกิจให้มะริดเกิดการค้าการลงทุนและการท่องเที่ยวมากขึ้น”
ปัจจุบันมีนักลงทุนไทยเข้าไปทำธุรกิจในเมืองมะริดมากขึ้น หนึ่งในนั้นเป็นบริษัทเอกชนไทยที่มีศักยภาพด้านบริหารจัดการน้ำที่ได้สัมปทานเข้าไปผลิตน้ำประปาเป็นรายแรก ซึ่งเชื่อว่านี่จะเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของการเปลี่ยนแปลงของมะริด เพราะชาวเมืองจะมีน้ำสะอาดอุปโภคบริโภค และจะกลายเป็นอีกปัจจัยที่ช่วยดึงดูดนักลงทุนให้เข้าไปลงทุน
ในอีก 5 ปีข้างหน้า เมืองมะริด จะเป็นพื้นที่ที่น่าลงทุนมากเพราะจะมีความพร้อมสมบูรณ์ทั้งระบบขนส่ง ไฟ น้ำประปา โดยตอนมีบริษัทผู้เชี่ยวชาญด้านบริหารจัดการน้ำจากประเทศไทยเข้ามาดูแลพัฒนาระบบน้ำของเมือง อีกทั้งทางการรัฐบาลเมียนมาให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่
อู้ ทล่ะ ตั้น ประธานหอการค้าและสภาอุตสาหกรรมจังหวัดมะริด แนะนำให้นักธุรกิจไทยรีบเข้าไปลงทุนในเมืองมะริดที่มีแนวโน้มอนาคตสดใส นอกจากมีเสถียรภาพทางด้านการพัฒนาเศรษฐกิจที่ศักยภาพแล้ว ทางการเมียนมายังเร่งพัฒนาโครงสร้างขั้นพื้นฐานและระบบคมนาคม เพื่อผลักดันให้เมืองมะริดเป็นศูนย์กลางการค้า การลงทุน เชื่อมโยงด่านสิงขร อ.เจดีย์สามองค์ จ.ประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งเมืองมะริดอยู่ห่างจากไทยไม่ถึง 200 กิโลเมตร
“เมือมะริดจะเป็นพื้นที่ที่น่าลงทุนมาก เพราะไม่เกิน 5 ปี จะมีความพร้อมสมบูรณ์โครงสร้างขั้นพื้นฐาน ทั้งระบบขนส่ง ไฟ น้ำประปา โดยตอนมีบริษัทผู้เชี่ยวชาญด้านบริหารจัดการน้ำจากประเทศไทยเข้ามาดูแลพัฒนาระบบน้ำของเมืองยิ่งสร้างความมั่นใจให้กับกลุ่มนักลงทุนต่างชาติ รวมทั้งไทย ส่วนระบบไฟฟ้าตอนนี้กำลังพัฒนาเพื่อให้มะริดมีความมั่นคงทางด้านพลังงานมากขึ้นซึ่งก็ไม่น่ามีปัญหาแต่อย่างใด”
ไม่เพียงแต่ภาคอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์เท่านั้นที่ประธานหอการค้าจังหวัดมะริด บอกว่ากำลังเป็นโอกาสทองของนักลงทุนจากประเทศไทย แต่ยังมีภาคอุตสาหกรรมประมง เกษตร หรือ การท่องเที่ยว ที่ไม่ควรพลาดลงทุนเช่นกัน เพราะเมืองมะริดพร้อมที่จะอ้าแขนนักลงทุนจากไทยซึ่งเป็นประเทศเพื่อนบ้านใกล้เคียงรู้ใจกันมายาวนาน