วันวาเลนไทน์ไม่ได้มีเหมือนกันทั้งโลก


วันวาเลนไทน์เรารู้จักกันดีว่าเป็นวันที่ดอกกุหลาบจะมีราคาพุ่งสูงขึ้น วันที่ตามห้างสรรพสินค้าจะนำเอาช็อกโกแลตนานาชนิดมาวางขาย พร้อมทั้งการประดับประดาร้านค้าด้วยสัญลักษณ์รูปหัวใจสีแดงเต็มไปหมด แม้จะเป็นแค่วันสั้น ๆ วันเดียว แต่การฉลองของคนทั่วโลกก็มีและแตกต่างกันออกไป

วาเลนไทน์ในตำนาน

ในยุคสมัยที่โรมันยังคงอยู่ในภาวะต้องทำศึกสงครามอยู่บ่อยครั้ง ทำให้กองทัพขาดแคลนชายหนุ่มที่ต้องทำหน้าที่เป็นทหาร ส่วนบรรดาชายหนุ่มทั้งหลายก็เลือกที่จะอยู่กับลูกเมียมากกว่าจะไปเสี่ยงตายในสงคราม จึงมีคำสั่งจากทางการว่าให้งดงานหมั้นและงานแต่งงานทั่วแผ่นดินแบบไม่มีกำหนด เพราะหวังว่าชายหนุ่มทั้งหลายจะหันมาโฟกัสที่การเป็นทหาร

แน่นอนว่าข้อห้ามแบบนี้ย่อมจะต้องมีคนฝ่าฝืนเป็นธรรมดา และหนึ่งในนั้นก็คือเซนต์วาเลนไทน์ ที่ประกอบพิธีแต่งงานกันกับหนุ่มสาวชาวโรมันหลายคู่พร้อมกันทั้ง ๆ ที่ทางการสั่งห้าม แล้วท่านก็ถูกจับและนำตัวไปลงโทษ แน่นอนว่าโทษในครั้งนี้ถึงขั้นประหาร

ในระหว่างที่ถูกคุมขังอยู่นั้นก็มีเรื่องเล่าว่าท่านได้พบรักกับลูกสาวตาบอดของผู้คุม (มีการเล่าถึงการแสดงปาฏิหาริย์ในการช่วยรักษาดวงตาให้หญิงคนรัก) มีการส่งจดหมายแสดงความรักกันและลงท้ายจดหมายด้วยคำว่า “Your Valentine”

จนคำนี้กลายเป็นคำพิเศษที่คนในสมัยนี้ใช้เรียกคู่รักของตนกันมากมาย แล้วท่านก็ถูกประหารในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ ส่วนจะเป็นวันที่นี้จริงหรือไม่ก็ต้องบอกว่ามันเป็นเรื่องเล่าต่อ ๆ กันมาพันกว่าปี ก็อย่าไปเอาจริงจังกับมันมากนักเลย เอาเป็นว่าในทางสากลถือว่าวันนี้เป็นวันแห่งความรักก็แล้วกัน

วาเลนไทน์ไม่ได้เริ่มต้นที่ดอกกุหลาบและช็อกโกแลต

เทศกาลแห่งความรักไม่ได้มีจุดเริ่มต้นจากการซื้อดอกกุหลาบและการมอบช็อกโกแลตให้กันแต่อย่างใด ในยุคเริ่มต้นนั้นพบว่าทางฝั่งยุโรปและสหรัฐอเมริกานิยมส่งการ์ดให้กัน และไม่ได้ส่งให้เฉพาะหนุ่มสาวที่กำลังตกอยู่ในห้วงของความรักเท่านั้น ญาติสนิทมิตรสหายก็ส่งกัน และที่ส่งให้กันมากที่สุดไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าเป็นการส่งให้กับครูบาอาจารย์

ส่วนดอกกุหลาบนั้นไม่มีการยืนยันว่ามาจากไหน แต่ในตำนานก็มีตอนหนึ่งที่ระบุเอาไว้ว่าหญิงคนรักของนักบุญวาเลนไทน์ทำการปลูกต้น pink-blossomed almond เอาไว้ที่หลุมฝังศพ เข้าใจว่าดอกไม้ชนิดที่ว่าคงจะหายากก็เลยมีการเปลี่ยนมาเป็นดอกกุหลาบที่สามารถหาได้สะดวกกว่ามามอบให้กันแทน

ส่วนช็อกโกแลตนั้นในสมัยก่อนเป็นของที่มีราคาแพงจะมอบให้กันก็ต้องเป็นงานและคนที่สำคัญเท่านั้น ส่วนบ้านเราก็จะมีครบเลยไม่ว่าจะเป็นการ์ด, ดอกไม้ และช็อกโกแลต รวมถึงของน่ารัก ๆ ตามกำลังทรัพย์

วาเลนไทน์ในเกาหลีและญี่ปุ่น

ถ้าใครกำลังเข้าใจว่าในวันนี้ทั่วโลกก็จะมีการให้ดอกไม้และช็อกโกแลตเหมือน ๆ กันหมด ขอบอกว่ามันไม่ได้เป็นแบบนั้นเสมอไป ในประเทศญี่ปุ่นเขาจะมีธรรมเนียมในวันแห่งความรักที่แตกต่างออกไป โดยงานนี้วัยรุ่นผู้หญิงเท่านั้นที่จะเป็นฝ่ายมอบช็อกโกแลตให้กับผู้ชาย (และผู้ชายหนึ่งคนอาจจะได้รับช็อคโกแลตจากผู้หญิงมากกว่าหนึ่งคนได้)

หลังจากนั้น 1 เดือนคือวันที่ 14 มีนาคม จะถือว่าเป็นวัน “ตอบรับ” วันที่ชายหนุ่มต้องตัดสินใจว่าจะตอบรับใคร หลังจากพิจารณามาแล้ว 1 เดือน ไวท์ช็อกโกแลตจะเป็นสื่อกลางที่ขายหนุ่มจะนำไปมอบให้กับหญิงสาวที่เขาตกลงจะคบหาด้วย

ส่วนเกาหลีใต้มีวัน “คนโสด” แถมท้ายมาเพิ่มอีก 1 วัน นั้นคือในวันที่ 14 เมษายน จะถือว่าเป็นวันคนโสด วันที่ชายหนุ่มที่ไม่ได้รับช็อกโกแลต หญิงสาวที่ไม่ได้รับไวท์ช็อกโกแลต จะพากันออกไปกิน จาจังเมียน หรือบะหมี่ดำให้ช้ำใจกันไปเลย มองในมุมกลับกันถ้าเห็นใครกินจาจังเมียนในวันคนโสดก็ลุ้นได้เลยว่าเขาหรือเธอคนนั้นยังไม่มีแฟน

วาเลนไทน์ไม่ได้จัดกันทั้งโลก

ใครที่คิดว่าอยากจะไปหาประเทศที่โรแมนติกไปฉลองวาเลนไทน์ต้องระวังให้ดี เพราะเทศกาลนี้ไม่ได้มีการฉลองกันทุกประเทศในโลก ย้อนกลับไปที่ตำนานซึ่งเป็นเรื่องราวของนักบวชในศาสนาคริสต์ชื่อ เซนต์วาเลนไทน์

ดังนั้นในประเทศที่ไม่ได้ให้การยอมรับกับศาสนาคริสต์ก็จะไม่มีการสนับสนุนส่งเสริมเทศกาลนี้เช่นกัน จะไปฉลองกันที่ประเทศไหนเช็คให้ดีกว่าไปไม่อย่างนั้นงานจะกร่อยเอาได้

ไม่ว่าเราจะเป็นคนเชื้อชาติไหนนับถือศาสนาอะไร ก็สามารถมอบความรักให้กันได้ และไม่จำเป็นต้องมอบให้กันในวันที่ 14 กุมภาพันธ์เท่านั้น จะวันนี้หรือวันไหนก็รักกันได้ทุกวัน ขอให้มีความสุขในวันแห่งความรักนี้ From Your valentine

อ้างอิง: