กกพ.ดัน AEITF เดินหน้า Solar Move หนุน ปชช.มีส่วนร่วมพลังงานสะอาด “โซลาร์เซลล์”


สำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน สนับสนุน AEITF ลุยโครงการ Solar Move ดึงอสังหาฯ 200 หมู่บ้าน หนุน ปชช.มีส่วนร่วมพลังงานสะอาด “โซลาร์เซลล์” แถมช่วยประหยัดค่าไฟ

วันที่ 14 ก.พ.63 ที่หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพฯ นายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ แถลงข่าวเปิดตัว โครงการ Solar Move รณรงค์ส่งเสริมให้ความรู้ เกี่ยวกับ Solar rooftop เข้าสู่ชุมชน เพื่อเป็นทางเลือกใหม่ของการใช้พลังงานสะอาด พลังงานไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์ (โซลาร์เซลล์)ในภาคครัวเรือน โดยมี สุเมฆ ปัณฑรานุวงศ์ ประธานมูลนิธิสถาบันพลังงานทางเลือกแห่งประเทศไทย และ ดร.ปราจิน เอี่ยมลำเนา ร่วมงาน ณ หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร

นายสุเมฆ ปัณฑรานุวงศ์ ประธานมูลนิธิสถาบันพลังงานทางเลือกแห่งประเทศไทย (AEITF) กล่าวว่า มูลนิธิได้รับการจัดสรรเงินกองทุนพัฒนาไฟฟ้าจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) เพื่อการส่งเสริมสังคมและประชาชนให้มีความรู้ ความตระหนัก และมีส่วนร่วมทางด้านไฟฟ้าตามมาตรา 97(5) ผ่านการดำเนินโครงการรณรงค์ส่งเสริมความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับ” Solar Rooftop สู่ชุมชน”

เพื่อเป็นทางเลือกใหม่ของการใช้ไฟฟ้าภาคครัวเรือน (Solar Move ) โดยมีวัตถุประสงค์สำคัญๆ อาทิ เพื่อส่งเสริมสังคมและประชาชนกรุงเทพฯ และปริมณฑล ในหมู่บ้านจัดสรรประมาณ 200 โครงการ ประมาณ 10,000 ครัวเรือนให้มีความรู้ มีความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับพลังงานแสงอาทิตย์ ซึ่งเป็นพลังงานสะอาด

 

“ปัจจุบันการติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์มีราคาถูกลงมาก โดยแผงผลิตกระแสไฟฟ้า ขนาด 350 วัต เหลือแผงละประมาณ 5,000 บาท จากเมื่อก่อนราคาแผงละเกือบหนึ่งหมื่นบาท ส่วนระบบกักเก็บพลังงานหรือ เอนเนอจี สตอเลจ ก็มีราคาถูกลงเช่นกัน ซึ่งมีหลายยี่ห้อให้เลือกมากมาย ซึ่งคืนทุนในระยะเวลาอันสั้น และเป็นการช่วยประหยัดพลังงาน ประหยัดเงินในกระเป๋า แถมยังขายไฟที่เหลือใช้ให้รัฐ เป็นการสร้างรายได้ บนความประหยัดไปพร้อมๆ กัน และเป็นการร่วมปลูกจิตสำนึกในการดูแลสิ่งแวดล้อมในสังคมด้วยการใช้พลังงานสะอาดด้วย” ประธานมูลนิธิสถาบันพลังงานฯ กล่าวเสริม

นอกจากนี้ ต้องการให้ร่วมกันส่งเสริมให้ผู้ใช้ไฟฟ้าได้มีแนวทางในการลดต้นทุนค่าใช้จ่ายพลังงานไฟฟ้า โดยมีส่วนร่วมในการใช้พลังงานสะอาดจากการนำพลังงานแสงอาทิตย์มาใช้ประโยชน์ในชีวิตประจำวัน สามารถทดลองใช้งานจริงผ่านรถนิทรรศการเคลื่อนที่ในรูปแบบ Active Learning และที่สำคัญเพื่อร่วมกันลดภาวะโลกร้อนจากการลดการใช้ไฟฟ้าที่ผลิตโดยเชื้อเพลิงที่เป็นฟอสซิลซึ่งมีสัดส่วนประมาณ 75% (ก๊าซธรรมชาติ 58% และถ่านหิน/ลิกไนต์ 17% ) เทียบกับการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนที่มีสัดส่วนเพียง 10% ซึ่งตามการวางแผนการพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศไทยปี 2561-2580 (PDP2018) จะมีสัดส่วนเพิ่มขึ้นเป็น 30% ในปี 2580

“เนื่องจากสาขาครัวเรือนหรือกลุ่มที่อยู่อาศัยมีอัตราการเติบโตของการใช้ไฟฟ้าถึง 10.1% (พิจารณาจากตัวเลขการใช้ไฟฟ้าเมื่อ พ.ย.2562) โดยมีสัดส่วนการใช้ไฟฟ้าถึง 26% หรือคิดเป็นสัดส่วนการใช้ไฟมากเป็นอันดับ 2 รองจากสาขาอุตสาหกรรมที่มีสัดส่วนการใช้ไฟฟ้า 45% และหากมีการรณรงค์หรือส่งเสริมให้ภาคครัวเรือน รวมทั้งหมู่บ้านจัดสรรได้ติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคา (โซลาร์รูฟท็อป) ตามโครงการโซลาร์ภาคประชาชนของ กกพ.ที่ส่งเสริมให้มีการติดตั้งปีละประมาณ 100 เมกกะวัตต์ (MW) หรือเป็นการติดตั้งปีละ 10,000-20,000 ครัวเรือน คิดเป็นมูลค่าได้ 4,000 ล้านบาท/ปี

และหากมีการติดตั้งครบ 10 ปีตามแผน PDP2018 ก็จะมีกลุ่มบ้านที่อยู่อาศัยมีการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานสะอาดถึง 1,000 MW ซึ่งกระทรวงพลังงานคาดว่า จะมีประชาชนติดตั้งโซลาร์รูฟท็อปตามโครงการโซลาร์ภาคประชาชนประมาณ 200,000 ครัวเรือน” ประธานมูลนิธิสถาบันพลังงานทางเลือกแห่งประเทศไทย กล่าว

 

 

นายอิสระ บุญยัง กรรมการผู้จัดการ บริษัท กานดา พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด กล่าวว่า ที่ผ่านมาบริษัทกานดาฯ ได้ติดตั้งเสาไฟฟ้าโซลาเซลล์ในพื้นที่ส่วนกลางของหมู่บ้านจัดสรรร่วมกับกังหันลมเพื่อผลิตไฟฟ้าเก็บไว้ที่แบตเตอรี่แล้วนำมาใช้ในตอนกลางคืน นอกจากนั้นมีการทดลองติดตั้งโซลาร์รูฟท็อปที่สำนักงานขาย ขนาด 10 KW ทำให้ประหยัดไฟเดือนละหลายพันบาท โดยมีบริษัทอสังหาริมทรัพย์ที่เข้าร่วมโครงการดังกล่าว จำนวน 10,000 หลัง ประกอบด้วยบริษัท กานดา พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด, บริษัท ควอลิตี้เฮ้าส์จำกัด (มหาชน), บริษัท แลนด์แอนด์เฮ้าส์จำกัด (มหาชน), บริษัท เสนาดีเวลลอปเม้นท์จำกัด (มหาชน), บริษัท อารียา พรอพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน), บมจ.เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่นและบมจ. เอ็น.ซี.เฮ้าส์ซิ่ง

ดร.ปราจิน เอี่ยมลำเนา ประธานกรรมการบริหาร บริษัท กรังด์ปรีซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน)ในฐานะผู้สนับสนุนให้มูลนิธิสถาบันพลังงานทางเลือกแห่งประเทศไทยร่วมออกบูธจัดกิจกรรมเคลื่อนที่สำหรับโครงการ Solar Move ในงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 41 (Motor Show 2020) ระหว่างวันที่ 25 มี.ค.-5 เม.ย.2563 ที่อิมแพ็คเมืองทองธานีกล่าวว่า

“การจัดทำโครงการ Solar Move เข้ากับกระแส PM 2.5 ซึ่งประเทศเราไม่เคยพบมาก่อน ในระยะช่วงปีหลังๆ นี้ฝุ่นและมลพิษต่างมีส่วนทำลายในชั้นบรรยากาศของโลก เรามีความรู้สึกว่ามีความจำเป็น หรือถึงเวลาแล้ว เนื่องจากเราปล่อยปละละเลยเรื่องของพลังงานสะอาดหลายประเภท เพราะฉะนั้นพอเราหันมาใช้โซลาร์เซลแล้วก็จะช่วยลดการใช้พลังงานด้านอื่นๆ ที่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมของโลก และลดความมักง่าย เพื่อมาใช้พลังงานเงียบ คือ พลังงานแสงแดดที่เราปล่อยทิ้งไปอย่างน่าเสียดาย ไม่เคยสนใจตลอดชีวิตของเรา ทั้งที่มีพลังงานมากมาย หลายคนมาสนใจตอนนี้ก็ไม่ได้สายเกินไป และต้องสอนลูกๆ หลานๆ ว่าสิ่งที่ใกล้ตัวของเรามากที่สุดตอนนี้คือ “พลังงานแสงอาทิตย์”