ทำงานเหนื่อยแทบตาย ทำไมงานไม่เดิน มาดูเทคนิค 6 ข้อที่ทำให้งานคุณเสร็จไวกว่าคนอื่น


วัน ๆ หนึ่ง สิ่งที่คนทำงานต้องเจอเป็นประจำก็คือ งานที่กองท่วมหัวจนไม่สามารถขยับตัวไปไหนได้ คุณอาจจะเคยได้ยินมาเสมอว่าคนเราจะต้องทำงานแบบ Multitask หรือหลากหลายงานได้ในคราวเดียว เพื่อให้งานเสร็จไว และก้าวหน้าในเวลาอันรวดเร็ว แต่จะมั่นใจได้แค่ไหนว่านั่นคือหลักการทำงานที่ถูกต้อง เพราะบ่อยครั้งที่ Work Hard ไม่ได้ให้ผลลัพธ์ที่ดีไปกว่าการ Work Smart หรือทำงานอย่างตรงเป้า เข้าใจ

ลองเลือกดูว่าคุณเองอยากจะเป็นคนแบบไหน คนที่ดูงานล้นตัวอยู่ตลอดเวลา แต่กลับทำไม่เสร็จทันกำหนดสักงานเดียว หรือคนที่ดูลอยชาย แต่สามารถส่งงานได้ตรงเดดไลน์ทุกครั้ง นี่คือ 6 ความแตกต่างระหว่างการ Work Hard กับ Work Smart ที่คุณต้องนำไปใช้

เป้าหมายเยอะ VS เป้าหมายเดียว

ในการทำงานแน่นอนว่าเป้าหมายของคุณอาจจะมีเยอะได้ แต่ในทางกลับกัน ระหว่างปฏิบัติงาน คุณควรจะมีเป้าหมายเดียวไว้ในใจ เพื่อจะช่วยยึดเหนี่ยวทีละขั้นให้คุณสามารถโฟกัสมันได้อย่างเต็มที่ เช่น คุณอาจจะวางแผนการทำงานไว้ว่าใน 1 ปี คุณต้องมีลูกค้ามากขึ้น ยอดขายมากขึ้น พาร์ทเนอร์เพิ่มขึ้น แต่นั่นไม่ใช่เป้าหมายที่ดี สิ่งที่สำคัญคือคุณต้องโฟกัสไปทีละจุดในเป้าหมายที่เล็กลงมา เพื่อให้มองเห็นเป็นขั้นบันไดว่า เดือนหนึ่งคุณต้องหาลูกค้าให้ได้เท่าไหร่ กำไรแค่ไหน ถึงจะรวมกันแล้ว สิ้นปีจึงจะได้ตามที่หวังไว้ การกำหนดเป้าหมายเดียวให้ตัวเองทำไปทีละขั้นจะช่วยให้มีกำลังใจในการทำงาน และไม่ทำงานแบบหว่านแหไปเรื่อย

โฟกัสข้อดีของตัวเอง VS โฟกัสข้อด้อยของตัวเอง

การมองข้อดีของตัวเองออกไม่ใช่เรื่องแย่ เพียงแต่คุณจะกลายเป็นคนทำงานหนักต่อไปเรื่อย ๆ โดยที่ไม่สามารถทำงานได้ไว หรือฉลาดกว่านี้ หากคุณไม่ลบข้อผิดพลาดของตัวเองทิ้งซะ คนที่ Work Smart จะพยายามมองหาจุดด้อยของตัวเอง และลบล้างมันออกไปให้ไวที่สุด เขาจะรู้ทันทีเมื่อเขาทำพลาด และเก็บความผิดพลาดนี้ไว้เป็นบทเรียน พัฒนาตัวเองให้ก้าวข้ามผ่านมันไป เมื่อคุณยอมเสียเวลานิดหน่อยเพื่อแก้ไขจุดด้อยเหล่านี้ ในอนาคตคุณจะไม่ต้องสะดุดกับมันอีกต่อไป และจะทำงานได้ไว โดยไม่มีปัญหาเดิม ๆ มากวนใจซ้ำซากแน่นอน

ให้ความสำคัญทุกอย่าง VS ให้ความสำคัญอย่างเดียว

คนทำงานแบบ Work Hard มักจะโฟกัสกับงานที่มากมาย ทำงานหลากหลายไปพร้อม ๆ กัน โดยไม่ให้ความสำคัญกับสิ่งใดสิ่งหนึ่ง งานบางตัวอาจจะรีบกว่างานอื่น สำคัญกว่างานอื่นๆ คุณก็ต้องทำงานนั้นก่อน นี่เป็นหลักการง่าย ๆ ที่จะช่วยให้คุณ Work Smart ได้ และป้องกันการพลาดเดดไลน์ เพราะมัวเอาเวลาไปทำงานที่ไม่จำเป็น การโฟกัสแค่จุดมุ่งหมายเดียวเท่านั้นจะช่วยให้คุณใส่ใจและทุ่มเทสมาธิให้กับงานตรงหน้าได้เต็มที่ เป็นผลให้งานในมือแต่ละตัวเสร็จได้ไวขึ้นเพราะไม่ต้องวอกแวกไปเริ่มทำอะไรใหม่ ๆ นั่นเอง

รับทุกข้อเสนอ VS ปฏิเสธสิ่งที่ไม่เกี่ยวกับตัวเอง

ในการทำงานคุณอาจจะคิดว่า หากคุณรับเอาทุกข้อเสนอที่ใครก็ตามนำมาให้ คุณจะต้องเป็นคนที่ประสบความสำเร็จ เป็นคนที่เก่ง และเป็นคนที่เข้าตาในการโปรโมตต่าง ๆ แน่นอน แต่นั่นไม่ใช่ความจริง มันเป็นเพียงหนทางที่จะทำให้คุณเหนื่อยหนักขึ้นเฉย ๆ เท่านั้น เพราะที่สุดแล้วทักษะบางอย่างต่อให้เรียนรู้เอาไว้ ก็ไม่สามารถนำมาปรับใช้กับงานที่คุณทำอยู่ได้ และทำให้คุณเสียเวลาโดยเปล่าประโยชน์ คนที่ Work Smart จะกล้าที่จะปฏิเสธสิ่งต่าง ๆ ที่ไม่เกี่ยวข้องกับหนทางที่ตัวเองเลือกเดิน และโฟกัสอยู่แค่กับงานที่ทำให้เขาพัฒนาตัวเองในด้านที่เหมาะสมจริง ๆ เท่านั้น

ทำไปก่อนทันที VS ทำความเข้าใจก่อนทำ

คนที่ทำงานแบบ Work Hard มักจะคิดว่าการรีบลงมือทำให้ไวที่สุด ลองผิดลองถูกเอาข้างหน้า เป็นการทำงานที่ถูกต้อง เหมาะสม ยิ่งไวยิ่งดี แต่ในทางกลับกัน ยิ่งคุณมีเรื่องให้ต้องทำตามหลังมากเท่าไหร่ ยิ่งเสียเวลามากเท่านั้น เหมือนคุณส่งงานไปแล้วโดนแก้กลับมา มีแต่จะต้องใช้เวลาเริ่มต้นทำสมาธิกับงานเดิมอีกครั้ง ทำความเข้าใจใหม่ ลงมือทำใหม่ ซึ่งแตกต่างกับการยอมเสียเวลาช่วงแรกเล็กน้อยเพื่อทำความเข้าใจกับชิ้นงาน เพราะการ Work Smart คือคุณจะต้องเข้าใจตัวงานจริงๆ ก่อนเริ่มลงมือทำ เมื่อทุกอย่างลงตัว คุณจะทำงานได้ราบรื่นไม่มีผิดพลาดเลย

พูดเยอะ VS ทำเยอะ

การใช้ปากทำงานมากกว่าใช้สมอง จะทำให้คุณกลายเป็นคนที่โอ้อวด น่ารำคาญ สำหรับทุกคนรอบตัว คุณจะไม่ได้สร้างความเปลี่ยนแปลงอะไรให้กับตัวเองเท่าที่ควร อาจจะมีความสำเร็จเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่คุณได้รับ แต่จะไม่มากเท่าคนที่ก้มหน้าก้มตาทำแน่นอน เพราะเขาเหล่านั้นจะไม่เอาเวลาที่มีค่ามาเสียไปกับการเล่าให้ใครฟังถึงความสำเร็จเล็ก ๆ ของตัวเอง แต่เขาจะทำมันเงียบ ๆ โฟกัสอยู่แค่เพียงคนเดียว จนสุดท้ายเมื่อมันสุกงอมและเติบใหญ่ ความสำเร็จเหล่านั้นจะไม่มีใครละสายตาจากมันได้แม้แต่คนเดียว โดยที่เขาไม่จำเป็นต้องพูดอะไรด้วยซ้ำไป