สุดเจ๋ง! “ศิริราช” จับมือภาคี พัฒนานวัตกรรม”หน้ากากนาโน” แจกบุคลากรการแพทย์ สู้โควิด-19 7,000 ชิ้น แถมซักได้ 30 ครั้ง
วันที่17 มี.ค.63 ศ.ดร.นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา คณบดีคณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล ม.มหิดล แถลงข่าว “ร่วมวิจัยและพัฒนานวัตกรรมหน้ากากผ้านาโนกันไรฝุ่น (Win Masks) จะทำออกมา 7,000 ชิ้น เพื่อแจกให้บุคลากรทางการแพทย์ ป้องกันการแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด-19ที่มีความเสี่ยงสูง
สำหรับนวัตกรรมหน้ากากผ้านาโน (WIN-Masks: Washable Innovative Nano-Masks) เพื่อป้องกัน COVID-19 เป็นหน้ากากสำหรับบุคลากรทางการแพทย์ที่ไม่ได้สัมผัสกับผู้ป่วยที่ยืนยันว่าติดเชื้อ COVID-19 โดยตรง ตลอดจนเจ้าหน้าที่ที่ต้องปฏิบัติงานในพื้นที่ความเสี่ยง และประชาชนที่ต้องอยู่ในกลุ่มที่ต้องพบปะผู้คนจำนวนมาก เพื่อป้องกันการระบาดของไวรัสโคโรนา ขณะเดียวกันยังช่วยลดขยะปนเปื้อนจากหน้ากากอนามัยแบบใช้ครั้งเดียวทิ้งได้ด้วย
ทั้งนี้ตัวหน้ากากมีโครงสร้าง 3 ชั้น
1.ผ้ากันไรฝุ่นศิริราชชนิดทอแน่น เคลือบสารนาโนกันน้ำ
2.ผ้าไมโครไฟเบอร์ผสม ZnO ที่มีคุณสมบัติยับยั้งเชื้อแบคทีเรีย
3.ผ้าฝ้ายที่สามารถดูดซับน้ำจากไอจาม ผ้า 3 ชั้นจะทำงานร่วมกัน ทำให้สามารถกรองฝุ่นและละอองฝอยจากเสมหะขนาดเล็กระดับ 2.5-5 ไมครอนได้ สามารถนำไปซักล้างได้ มีคุณภาพมาตรฐาน
สำหรับผลการทดสอบคุณสมบัติหน้ากาก WIN-Masks
1.สามารถป้องกันหรือกรองฝุ่นละออง PM 2.5 ได้ 65% ซึ่งมีค่าใกล้เคียง Surgical mask ทั่วไป และกำลังอยู่ในระหว่างการพัฒนาให้สามารถกรองฝุ่น PM2.5 ได้ไม่ต่ำกว่า 80%
2.ความสามารถในการป้องกันการซึมผ่านของเหลว (Fluid resistance)
โดยการหยดน้ำลงบนพื้นผิวผ้ากรองไรฝุ่นที่เคลือบด้วยสารนาโน พบลักษณะน้ำกลิ้งบนใบบัว โดยที่น้ำไม่ซึมไปในเนื้อผ้า
3.ความกระชับของหน้ากากเมื่อสวมใส่ (Fit test) ประสิทธิภาพการกรองอากาศจากภายนอกเมื่อสวมใส่ในคนทั่วไป พบว่าสามารถป้องกันอากาศจากภายนอกเข้าได้ 68% ดีกว่าหน้ากากทั่วไปที่ป้องกันได้เพียง 62% ส่วนค่า Fit Factor เท่ากับ 3.11 คือ อากาศภายในหน้ากากมีความสะอาดมากกว่าอากาศภายนอก 3 เท่า ซึ่งดีกว่าหน้ากากทั่วไป ซึ่งได้ค่าเพียง 2.65
4.ทดสอบการซึมผ่านของอากาศ (Permeability Test) ผลทดสอบการซึมผ่านของอากาศ ของผ้ากันไรฝุ่นศิริราช ตามมาตรฐาน ISO 9237 : 1995 (E) ได้ค่าเฉลี่ย 0.709 ลูกบาศก์เซนติเมตร ต่อตารางเซนติเมตร ต่อวินาที (โดยค่า = 0 แปลว่าไม่สามารถซึมผ่านได้ ค่า = 1 แปลว่ามีอากาศซึมผ่านที่ดีมาก) และทดสอบการหายใจด้วยอาสาสมัคร ในสภาพการทำงานในที่ร่ม พบว่าสามารถใส่ได้นานไม่รู้สึกอึดอัด
5.สามารถซักซ้ำได้ประมาณ 30 ครั้ง ผลการทดสอบคุณสมบัติหลังการสักซ้ำที่
– 0 ครั้ง มีประสิทธิภาพการกรองที่ อนุภาค 0.3 ไมครอน ประมาณ 34%
– 30 ครั้ง มีประสิทธิภาพการกรองที่อนุภาค 0.3 ไมครอนประมาณ 45%
สำหรับการทำความสะอาดควรใช้น้ำยาทำความสะอาดหรือผงซักฟอก ไม่ควรใช้แปรง และไม่ควรใช้น้ำยาปรับผ้านุ่ม โดยใช้ภาชนะทำความสะอาดแยกจากผ้าทั่วไป เมื่อซักแล้วควรผึ่งตากแดดจนแห้งสนิท ก่อนนำกลับมาใช้ใหม่
ส่วนการส่งมอบในระยะแรก จะส่งมอบได้ไม่เกิน 7,000 ชิ้น ภายใน 3 สัปดาห์ ให้กับโรงพยาบาลหลักๆ ก่อน และจะขยายผล โดยจะระดมทุนด้วยกลไก Crowd Funding ใช้เวลาประมาณ 1 เดือน ให้โรงงานที่ได้มาตรฐานรับดำเนินการผลิตให้บุคลากรทางการแพทย์ทั่วประเทศ และดำเนินการให้ถึงมือประชาชนทั่วไปเป็นจำนวนหลักหมื่นหรือหลักแสนชิ้น ขึ้นอยู่กับผลการระดมทุนและกำลังการผลิตของโรงงาน ส่วนสถานที่ติดต่อ E-mail: [email protected] Tel: 0-2644-5499 ext. 0