Work from home แบบไหนได้งานที่สุด แถมงานเสร็จไว คุณภาพเกินมาตรฐาน


การทำงานที่บ้านเป็นหนึ่งในมาตรการป้องกันโควิด-19 ที่ได้ผลดีมาก หลายบริษัทในประเทศไทยได้ปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์โดยการให้พนักงาน Work from home กันไปบ้างแล้ว ซึ่งถึงแม้การ Work from home จะเป็นเหมือนสิ่งที่ดี ที่ทำให้พนักงานไม่ต้องฝ่ารถติดเสียเวลาหลายชั่วโมง แต่การทำงานอยู่บ้านก็ไม่ใช่ว่าจะต้องได้งานที่สำเร็จลุล่วงอย่างรวดเร็วตรงเวลาเสมอไป เพราะการทำงานที่บ้านมีปัจจัยในการรบกวนการทำงานมากมาย ที่จะทำให้งานไม่เดิน หรือเสร็จไม่ตรงกำหนดอย่างที่ควรจะเป็น

เพราะฉะนั้นการทำงานที่บ้านให้งานเสร็จไว ไม่เสียงาน หรือไม่โดนรบกวน พร้อมทั้งทำงานได้อย่างมีความสุขนั้นต้องเกิดจากการบริหารจัดการ และแบ่งเวลาของตัวเองให้ดี พักได้แต่ต้องพอเหมาะ และมีระเบียบวินัยอย่างเคร่งครัดมากกว่าตอนทำงานที่ออฟฟิศเสียอีก ซึ่ง 5 เทคนิคเหล่านี้ช่วยได้

สาเหตุหลักที่ทำให้ Work from home ไม่ได้ประสิทธิภาพ งานไม่เดินอย่างที่ควร

1. บางคนคิดว่า Work from home คือวันหยุด

การ Work from home เป็นเรื่องใหม่ของคนไทยที่หลายคนยังไม่ชิน และมีความคิดว่ามันเป็นเหมือนวันหยุด ซึ่งทำให้ประสิทธิภาพในการทำงานลดลงอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งตรงนี้ทางบริษัทต้องย้ำให้พนักงานทุกคนเข้าใจให้ชัด ว่านี่คือการทำงาน อาจเพิ่มมาตรการตรวจการ วัดผลงานกันทุกวัน เพื่อให้เกิดการทำงานจริงแม้ไม่มีใครควบคุม

2. ไม่มีการวางแผนใด ๆ

เพราะการอยู่บ้านทำงานด้วยตัวเองนั้นมีอิสระมากเกินไป จนทำให้บ่อยครั้งก็ไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ บางคนท่องเว็บ เล่นเฟซบุ๊ก หรือเล่นเกม ดูยูทูปจนหมดเวลาไปครึ่งวันกว่าจะเริ่มทำงาน ซึ่งเป็นปัญหาหลักของการ Work from home ที่แท้จริง

3. เครื่องมือไม่พร้อม

การทำงานที่บ้านต้องเสี่ยงต่อการเจอปัญหาด้านเครื่องมือ บางคนไม่มีคอมพิวเตอร์ บางคนอินเทอร์เน็ตไม่เสถียรทำให้ประชุมออนไลน์ไม่ได้ ซึ่งแค่ปัญหา 2 อย่างนี้ก็ทำให้การ Work from home เป็นความท้าทายที่ลดประสิทธิภาพงานลงแล้ว

4. สภาพแวดล้อมไม่ดี

การทำงานที่ออฟฟิศยังมีเก้าอี้สำนักงาน มีโต๊ะดีๆ รองรับ แต่หากคุณทำงาน Work from home อาจจะต้องพบเจอสภาพแวดล้อมย่ำแย่ เช่น คนที่บ้านเสียงดัง มีรถสัญจรไปมาเยอะมากจนเสียสมาธิ เก้าอี้นั่งไม่สบาย ปวดหลัง ซึ่งทุกอย่างส่งผลต่องานทั้งสิ้น

Work from home ยังไงให้ได้งาน งานเสร็จไว ประสิทธิภาพมาเต็ม

1. ตั้งเป้าหมายในแต่ละวัน

การตั้งเป้าหมายในแต่ละวันจะช่วยให้คุณวางแผนได้ในระยะยาวว่างานจะเสร็จตอนไหน และรู้ว่าในหนึ่งวันคุณต้องทำอะไรบ้าง เมื่อคุณทำงานเสร็จตรงเป้าหมายได้ครบทุกวัน ก็หมดปัญหาเรื่องการทำงานล่าช้า และช่วยให้งานเสร็จลุล่วงได้อย่างมีประสิทธิภาพไม่ต้องรีบไปเผาเอาวันท้ายๆ ตอนใกล้ส่ง

2. อาบน้ำแต่งตัวก่อนเริ่มงาน

ระบบความคิดของมนุษย์เรามักจะถูกกระตุ้นและมีประสิทธิภาพสูงสุดเมื่อเราพาตัวเองไปอยู่ในจุดที่พร้อมที่สุด การทำงานเองก็เช่นการ แม้จะ Work from home คุณก็ต้องอาบน้ำ แต่งตัวให้ดีก่อนเริ่มงาน เพราะเป็นการเตรียมความพร้อมให้ร่างกายเข้าสู่โหมดทำงานจริงจัง ซึ่งจะสั่งให้สมองทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และตื่นตัวมากกว่าการลุกออกจากเตียงและใส่ชุดนอนทำงาน

3. กำหนดเวลาพักชัดเจน

แม้ Work from home จะดูเหมือนมีความอิสระ คุณจะพักเมื่อไหร่ก็ได้ แต่ในความจริงแล้วมันกลับทำคุณทำงานหนักขึ้นกว่าเดิม เพราะสมดุลระหว่างการพักผ่อนกับการทำงานถูกกลืนไปด้วยกัน ซึ่งถ้าคุณไม่ตั้งเวลาพักตัวเองให้ดี ก็มีสิทธิ์ที่จะทำงานเพลินจนลืมทานข้าว หรือไม่ได้พักสมองเลยก็ได้ กลับกันถ้าใครติดเล่นมากๆ ก็อาจเผลอเล่นยาวจนงานเสร็จช้า หรือต้องเลื่อนวันส่งเลยก็ได้เช่นกัน

4. คุยกับคนที่บ้านให้เข้าใจ

เพราะการ Work from home ไม่ใช่แค่คุณที่จะได้รับผลกระทบ แต่คนที่บ้านเองก็ต้องเข้าใจด้วยว่า คุณกำลังอยู่ในช่วงทำงาน ดังนั้นอาจจะขอความร่วมมือคนที่บ้านให้เบาเสียงลง หรือไม่รบกวนคุณขณะนั้น อีกทั้งงานบ้านบางอย่างที่คุณต้องดูแลด้วยตัวเอง ก็ต้องคุยกับที่บ้านให้ดีว่าคุณจะจัดการสิ่งเหล่านั้นตอนไหน หลังเลิกงาน หรือเมื่อไหร่ เพื่อให้คนที่บ้านมั่นใจว่าจะไม่ส่งผลกระทบต่อหน้าที่ประจำวันของคุณ

5. จัดเตรียมพื้นที่ทำงานให้พร้อม

เราไม่มีทางรู้ว่าสถานการณ์โควิด-19 จะอยู่กับเราไปอีกนานเท่าไหร่ การลงทุนซื้อเก้าอี้สำนักงานดี ๆ หรือการทำที่นั่งทำงานให้เป็นระเบียบก็จะช่วยให้ประสิทธิภาพในการทำงานเพิ่มขึ้น ช่วยให้คุณจดจ่อโฟกัสกับการทำงานได้ และไม่เสียสุขภาพหลังจากใช้งานร่างกายเป็นเวลานานอีกด้วย