นวัตกรรมหุ่นยนต์ไทยช่วยหมอสู้โควิด-19 รุดหน้า เตรียมปล่อยลงทำงานจริง


สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม เผยความคืบหน้านวัตกรรมหุ่นยนต์ไทยสู้โควิด-19 คณะแพทย์พอใจการทำงาน เตรียมนำไปปฏิบัติจริง

เมื่อเร็วๆ นี้ นายอภิรักษ์ หุ่นหล่อ คณะเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร มหาวิทยาลัยมหิดล นักวิจัยโครงการสนับสนุนข้อมูลวิจัยเชิงลึกด้านเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID – 19) สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.) เปิดเผยว่า ปัจจุบันในประเทศไทยมีการพัฒนาหุ่นยนต์เพื่อใช้ทางการแพทย์ โดยความร่วมมือจากสถาบันวิทยาการหุ่นยนต์ภาคสนาม (FIBO) มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี (มจธ.) และภาคเอกชน พัฒนาหุ่นยนต์ทางการแพทย์ ขณะนี้สามารถใช้งานได้แล้ว 3 รูปแบบ ประกอบด้วย

1.CARVER-Cab 2020 หุ่นยนต์เคลื่อนที่อัตโนมัติ ขนส่งอาหาร ยา เวชภัณฑ์ สำหรับผู้ป่วยในหอผู้ป่วย สามารถบรรจุถาดอาหารได้ถึง 20 ถาดในคราวเดียว พร้อมฟังก์ชั่นฟอกอากาศและฆ่าเชื้อไวรัสตลอดการปฏิบัติงานผ่านอุปกรณ์ Hydroxyl Generator

2.SOFA หุ่นยนต์บริการที่ติดตั้งจอแสดงผล ที่สามารถแสดงข้อมูลการรักษา หรือผลการตรวจที่เชื่อมโยงข้อมูลกับระบบของโรงพยาบาล โดยแพทย์สามารถควบคุมทางไกลจากห้องควบคุมส่วนกลางให้หุ่นยนต์เคลื่อนที่ไปยังตำแหน่งเป้าหมาย มีกล้องถ่ายความร้อน เพื่อจับอุณหภูมิร่างกาย กล้องความละเอียดสูงที่สามารถขยายได้ถึง 20 เท่า ช่วยให้แพทย์สามารถตรวจอาการจากสภาพภายนอกของผู้ป่วย อาทิ ตา ลิ้น ได้จากระยะไกล รวมถึงสามารถสนทนาโต้ตอบกับผู้ป่วยได้แบบวิดีโอคอล

3.Service Robot หุ่นยนต์ส่งยาและอาหารเฉพาะจุด สามารถเคลื่อนที่ไปยังตำแหน่งเป้าหมายได้อัตโนมัติโดยการควบคุมทางไกล ผู้ป่วยสามารถพูดกับหุ่นยนต์เพื่อเรียกแพทย์หรือพยาบาลได้

โดยหุ่นยนต์ทั้ง 3 รูปแบบ เป็นชุดระบบหุ่นยนต์ช่วยบุคลากรทางการแพทย์ปฏิบัติงานในโรงพยาบาลช่วงสถานการณ์แพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา “FIBO AGAINST COVID-19: FACO” โดยมี รองศาสตราจารย์ ดร.ชิต เหล่าวัฒนา หัวหน้าโครงการ FACO ร่วมกับภาคีเครือข่ายพัฒนาขึ้น โดยเมื่อช่วงต้นเดือนเมษายนที่ผ่านมา เริ่มมีการจำลองการทำงานของระบบหุ่นยนต์และระบบควบคุมส่วนกลางในสภาวะเสมือนจริงให้ทีมคณะแพทย์และผู้เชี่ยวชาญจากโรงพยาบาลรามาธิบดีจักรีนฤบดินทร์ได้รับชม

ผลปรากฏว่า คณะแพทย์ต่างแสดงความพึงพอใจในรูปแบบการทำงานของหุ่นยนต์ที่สามารถช่วยสนับสนุนการดูแลผู้ป่วย COVID-19 ตอบโจทย์ความต้องการในการใช้งานในโรงพยาบาลได้เป็นอย่างดี ขณะนี้อยู่ระหว่างการหารือถึงแนวทางการนำไปใช้ปฏิบัติการจริงในโรงพยาบาล