ทุกวันนี้การทำงานที่บ้านเป็นหนึ่งในสิ่งที่ทุกคนต้องเจอ และหนึ่งในปัญหาตามมาที่เลี่ยงไม่ได้จากการ Work from Home นี้ก็คือ การแยกหน้าที่หรือบทบาทที่แตกต่างกันให้ทำงานร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพ เช่น คุณในฐานะพนักงานออฟฟิศ ต้องทำงานที่มีลูกเล็กอยู่ที่บ้าน นั่นคือ คุณต้องใส่หมวกสองใบ ทั้งพนักงาน และความเป็นพ่อ ซึ่งมันแทบจะเป็นไปไม่ได้ที่จะทำทุกสิ่งให้สำเร็จไปได้ด้วยดีพร้อม ๆ กัน
โดยเฉพาะอย่างยิ่งบางคนมีหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบอยู่เยอะมากอยู่แล้วในที่ทำงาน การนำทุกสิ่งกลับมาทำที่บ้านแบบ Multitasking เพื่อหวังจะให้ทุกงานเสร็จไวขึ้นกลับกลายเป็นว่ามันจะยิ่งวุ่นวาย และทำให้ทุกสิ่งซับซ้อนขึ้นกว่าเดิม
สมองของมนุษย์เราไม่ได้ถูกออกแบบมาเพื่อ Multitasking
ลองสังเกตการทำงานของคุณในแต่ละครั้งดูว่า เมื่อไหร่ก็ตามที่ทำงานเสร็จอย่างรวดเร็วทันเดดไลน์ หรืออาจจะก่อนเดดไลน์ด้วยซ้ำนั้น ส่วนใหญ่มาจากการโฟกัสแค่งานตรงหน้าทีละชิ้น ไม่ใช่การทำงานหลากหลายไปพร้อม ๆ กัน สาเหตุที่เป็นอย่างนั้นเพราะ สมองของเราไม่ได้ถูกพัฒนามาให้เป็นแบบนั้น
มีการวิจัยออกมาแล้วเกี่ยวกับเรื่องนี้ จาก University of Sussex พบว่า คนที่ทำงานหลายอย่างพร้อม ๆ กัน จะทำให้สมองที่ตอบสนองต่อความเห็นอกเห็นใจคนอื่นถูกกด และการควบคุมอารมณ์ รวมถึงสมาธิต่าง ๆ ลดลง ซึ่งเมื่อสมองส่วนนี้ไม่ได้ถูกใช้งานอย่างเต็มที่ การตัดสินใจ หรือดำเนินงานต่างๆ ก็มีประสิทธิภาพที่น้อยลงเช่นกัน เป็นเหตุให้การทำงานแบบ Multitasking นั้นยิ่งกลับทำให้งานเสร็จได้ช้าลงกว่าเดิม
ยิ่ง Multitask ยิ่งผิดพลาดเยอะ
อีกหนึ่งปัญหาที่พบได้บ่อยที่สุดของการทำงานหลายอย่างพร้อมกัน หรือการต้องสวมบทบาทหลายสิ่งในเวลาเดียวกันนั้น มักจะเกิดข้อผิดพลาดขึ้นมาให้เห็นได้เสมอ สาเหตุมาจากการที่คุณไม่สามารถมีสมาธิ หรือจดจ่อกับงานใดได้สักงานจริง จึงทำให้เกิดความผิดพลาดมากขึ้น
ซึ่งข้อผิดพลาดนี้มาจากการที่คุณนำหลาย ๆ เรื่องมาทำไปพร้อม ๆ กัน ทำให้สมองเกิดการสับสนและเอาทุกอย่างผสมเข้าด้วยกัน ข้อมูลต่าง ๆ ในหัวคุณจะถูกร้อยเรียงเข้ามาโดยไม่เชื่อมโยงกันใดๆ ทั้งสิ้น และตรงนี้เองที่ความผิดพลาดจะเกิดขึ้นโดยที่คุณไม่รู้ตัว
Multitasking เล็ก ๆ กลับก่อให้เกิดความผิดพลาดครั้งใหญ่
ยกตัวอย่างที่เห็นได้ชัดเจนเลยสำหรับการ Multitasking เช่น คุณกำลังทำงานอยู่ แต่เมื่อไลน์เด้ง คุณกลับสลับไปตอบไลน์ทันที หรืออยู่ ๆ ก็เปลี่ยนไปเช็กอีเมล ซึ่งมันดูเป็นเรื่องทั่วไปที่ทำได้ โดยไม่ส่งผลกระทบอะไร แต่ความเป็นจริง แค่การหลุดโฟกัสเล็ก ๆ นี้เอง ที่นำไปสู่การผิดพลาดของงานตลอดทั้งวัน
นั่นเพราะเมื่อไหร่ก็ตามที่คุณไม่ได้โฟกัสกับงานเพียงชิ้นเดียว สมองของคุณจะได้รับความกดดันมากขึ้น ทำให้สมองผลิตฮอร์โมนความเครียดขึ้นมาโดยที่คุณไม่รู้ตัว และความเครียดนี้จะทำให้การทำงานของคุณทั้งวันเกิดความเหนื่อยล้า กังวลใจ ไม่มีความสุข รู้สึกหมดพลังอย่างรวดเร็ว นอกจากนี้มันยังนำไปสู่ความผิดพลาดมากมายที่จะตามมาเพราะการ Multitasking เหล่านั้นด้วย ซึ่งไม่ได้ช่วยให้งานเสร็จได้ไวอย่างใจคิด แต่กลับเพิ่มภาระให้ตัวเองอย่างที่คุณคาดไม่ถึง
เสียเวลาในการทำงานไปมาก แต่งานเสร็จได้น้อยลงกว่าเดิม
สำหรับการทำงานแบบ Multitasking นี้ หลาย ๆ คนใช้เพื่อให้งานของตัวเองเสร็จเร็วขึ้นกว่าเดิม เช่น ตอบอีเมลไป ทำงานไป ดูไลน์ไป จัดตารางงานไป ซึ่งทุกอย่างดูเหมือนจะทำพร้อมกันได้แบบไม่ลำบากหรือต้องโฟกัสอะไรเท่าไหร่ แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าคุณจะทำสิ่งเหล่านั้นพร้อมกันได้แล้วมันจะเสร็จไวกว่าเดิม
เพราะอย่างที่บอกข้างต้นว่า การทำงานหลากหลายสิ่งพร้อมกันจะสร้างความผิดพลาดให้เกิดมากขึ้น และเมื่อคุณต้องแก้ไขความผิดพลาดเหล่านั้น นั่นก็หมายถึงคุณต้องสูญเสียเวลามากกว่าเดิมเข้าไปใหญ่
อีกทั้งยังมีเรื่องของไอเดียความคิดสร้างสรรค์ต่าง ๆ ที่จะถูกกดไว้ไม่ให้ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ เพราะเมื่อคุณต้องคิด หรือลงมือทำหลายๆ สิ่งพร้อมกัน สมองก็จะถูกใช้งานอย่างหนักจนเมื่อถึงคราวต้องทำงานสำคัญจริงๆ กลับนึกไม่ออก เพราะมัวแต่คิดถึงสิ่งเล็กๆ น้อยๆ ที่ไม่จำเป็นจากการ Multitasking เท่านั้นอยู่นั่นเอง
ซึ่งความเครียด และความกดดันตรงนี้แหละที่จะบังคับให้สมองสั่งการตามสัญชาตญาณให้เราปลอดภัยจากอันตราย และทำการบังคับให้สมองส่วนหน้าที่เกี่ยวข้องกับความคิดสร้างสรรค์นั้นปิดตัวหยุดทำงานเพื่อให้สมองได้พักอย่างเต็มที่
นี่จึงเป็นเหตุให้ยิ่ง Multitasking มากเท่าไหร่ งานยิ่งไม่เดิน และที่สำคัญ มันยังทำให้เกิดข้อผิดพลาดเยอะมากจนคุณเองก็ตามแก้ได้ไม่หมด นอกจากจะไม่ได้เสร็จไวอย่างที่ควรจะเป็นแล้ว ยังทำให้เสียเครดิตในการทำงานต่าง ๆ อีกด้วย
อยู่บ้าน Work from Home แล้วก็ควรจัดตารางงานให้ดี แบ่งการทำหน้าที่ต่าง ๆ ออกจากกันอย่างชัดเจน โฟกัสทีละอย่าง เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นกับคุณ