พฤติกรรมของผู้บริโภคที่จะเปลี่ยนไปในยุค New Normal


อีกไม่นานเราก็คงจะไม่ต้องมานั่งคุยกันผ่านวิดีโอคอล แล้วก็ออกไปกินข้าวนอกบ้านได้โดยไม่ต้องคอยโทรสั่งอาหารทุกมื้อ ความวิตกกังวลในเรื่องของสุขภาพและการเงินจะค่อย ๆ เบาบางลงกว่าตอนนี้ แน่นอนว่าหลังจากนี้ไปวิธีการทักทายของผู้คนก็อาจจะเปลี่ยนไปตลอดกาล เราจะไม่ทักทายกันด้วยการแตะเนื้อต้องตัวกันอีกต่อไปแล้ว วิธีการทำงาน วิธีการเล่น และวิธีการกินของเราจะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป

การระบาดครั้งใหญ่ของโรคโควิด-19 ส่งผลให้ผู้บริโภคกำลังทำการปรับตัวครั้งใหญ่ ทั้งในขณะที่เกิดการระบาด และหลังจากการระบาดลดน้อยลง ผู้บริโภคจะมีพฤติกรรมใหม่ในการซื้อของ ทำให้นักการตลาดเองจะต้องตามให้ทันในสิ่งธรรมดาที่กำลังเกิดขึ้นใหม่ที่เรียกว่า The New Normal

คงไม่มีใครบอกได้ว่ากำลังจะเกิดอะไรขึ้นในอนาคต แต่มีสิ่งหนึ่งที่เราพอจะทำได้นั่นก็คือ การเรียนรู้จากสิ่งที่เคยเกิดขึ้นในอดีต โลกเคยพบเจอกับหายนะครั้งใหญ่มาหลายครั้งแล้ว ทุกครั้งจะมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น ครั้งนี้ก็เช่นกันนี่คือความเปลี่ยนแปลงที่เราพอจะคาดการณ์ได้

ย้อนกลับไปในปี 1918 สหรัฐฯ เคยต่อสู้กับการระบาดครั้งใหญ่ของโรคไข้หวัดใหญ่ สิ่งที่เกิดขึ้นก็คือภาวะเศรษฐกิจถดถอยครั้งใหญ่ และมันส่งผลให้ผู้บริโภคจำนวนมากต้องเปลี่ยนไปเลือกใช้สินค้าที่มีราคาคุ้มค่าเป็นหลัก แน่นอนว่าสิ่งเหล่านี้กำลังจะเกิดขึ้นซ้ำอย่างไม่ต้องสงสัย

การปรับตัวของผู้คนที่เกิดขึ้นในช่วงเวลานี้จะกลายเป็นตัวตั้งต้นให้กับ New Normal ที่กำลังจะเกิดขึ้น พฤติกรรมบางอย่างจะถูกฝังแน่นจนกลายเป็นพฤติกรรมปกติ ผลิตภัณฑ์และบริการบางอย่างจะคงอยู่กับเราตลอดไป

3 มิติพื้นฐานที่สำคัญที่ธุรกิจควรพิจารณาเพื่อการเริ่มต้นใหม่

1. ความพึงพอใจที่เกิดขึ้น

จากการที่ผู้บริโภคถูกกักตัวอยู่กับบ้านเป็นเวลานาน มันทำให้พวกเขาเริ่มจะหาความพึงพอใจในระยะเวลาที่ต้องอยู่กับบ้านได้มากขึ้นแล้ว ดังนั้นหลังจากที่มีการปลดล็อกพฤติกรรมบางอย่างจะยังคงอยู่ โดยเฉพาะเรื่องของการประหยัด ผู้บริโภคจำนวนมาสูญเสียรายได้ไปอย่างมากมายในช่วงเวลาของการกักตัว ทำให้หลังจากนี้ไปผู้บริโภคจะจับจ่ายใช้สอยในสิ่งที่คุ้มค่าเท่านั้น

โดยเฉพาะบรรดาสินค้าแบรนด์ใหญ่ราคาสูงอาจจะต้องปรับตัวรับกับเรื่องนี้ ในอดีตที่ผ่านมาในช่วงเวลาแบบนี้มักจะมีสินค้ามีแบรนด์แต่ราคาจับต้องได้ออกมาให้เลือกซื้อกัน

คาดการณ์ความพึงพอใจของผู้บริโภคที่จะยังคงอยู่ในยุคของ New Normal

-แอลกอฮอล์

-การทำสมาธิ / สุขภาพ

-เกมออนไลน์ / เกมกระดาน

-อุปกรณ์ทำสวน

-อุปกรณ์ออกกำลังกายที่บ้าน

-รูปแบบของสื่อ

-การเรียนออนไลน์

-สตรีมมิ่งวิดีโอ / 5G

 

2. ความสามารถในการเลือก

ในช่วงเวลาของความยากลำบาก ผู้บริโภคหลายคนไม่มีตัวเลือกในการควบคุมชีวิตของตัวเอง หลายต่อหลายครั้งที่ผู้คนต้องออกไปซื้อของอย่างไม่มีเหตุผล สินค้าบางอย่างหมดอย่างรวดเร็ว และสินค้าหลายอย่างยังคงมีอยู่เต็มบ้าน แม้ว่าการแพร่ระบาดจะเบาบางลงแล้ว

ด้วยความหวาดกลัวในเรื่องราวเลวร้ายที่เคยเกิดขึ้น จะทำให้ความต้องการในการควบคุมทางเลือกของชีวิต เพื่อรับมือกับวิกฤตครั้งต่อไป จะส่งผลให้เกิดความต้องการใหม่ ๆ ตามมา

คาดการณ์สิ่งที่ผู้บริโภคต้องการในการเลือก ที่น่าจะเกิดขึ้นใน New Normal

-แพทย์ทางไกล

-ยาฆ่าเชื้อ

-การช็อปปิ้งแบบไร้การสัมผัส

-การซื้อของจำนวนมาก

-โดรนและยานพาหนะที่ขับเคลื่อนด้วยตนเอง

3. ความมั่นใจ

ในช่วงเวลาที่วุ่นวายนี้ผู้บริโภคกลับมีความมั่นใจในแบรนด์มากกว่า การบริหารจัดการของภาครัฐ จึงไม่น่าแปลกใจว่าในช่วงเวลาที่เลวร้ายมักจะมีแบรนด์หลายแบรนด์ที่สามารถทำการแจ้งเกิด เข้าไปอยู่ในใจของผู้คนได้

ดังนั้นในยามที่ยากลำบาก สิ่งที่แบรนด์จะทำได้ก็คือเรื่องของการทำ CSR (ความรับผิดชอบต่อสังคม) เรื่องนี้เป็นองค์ประกอบที่สำคัญสำหรับผู้บริโภคจำนวนมาก เพราะพวกเขามักจะจดจำแบรนด์ที่ให้ความช่วยเหลือพวกเขาในยามยากลำบาก และแน่นอนว่ามันจะส่งผลต่อสิ่งใหม่ที่จะเกิดขึ้นตามไปด้วย

คาดการณ์เรื่องความมั่นใจของผู้บริโภค ที่น่าจะเกิดขึ้นใน New Normal

-อาหารสำเร็จรูป

-ชุมชนของแบรนด์

-กิจกรรม CSR ที่แบรนด์จัดขึ้น

สิ่งเหล่านี้เป็นเพียงการคาดการณ์เท่านั้น ไม่มีอะไรถูกหรือผิด แต่มันก็เป็นการศึกษาสิ่งที่เคยเกิดขึ้นมาแล้วในอดีต ซึ่งมันพอจะทำให้เราเข้าใจพฤติกรรมผู้บริโภคที่กำลังจะเกิดเป็น New Normal

อ้างอิง:

https://www.forbes.com/sites/michaelrsolomon/2020/04/13/consumer-behavior-in-the-new-normal/#51f5eb355da3