อย่ารอให้ล้มตาย มาดู 4 รูปแบบการขายใหม่ที่สามารถเริ่มทำได้ตั้งแต่ตอนนี้เลย


ทุก ๆ ธุรกิจเมื่อมาถึงจุด ๆ หนึ่งจะเกิดความอิ่มตัวมากขึ้น ทั้งลูกค้าในตลาดที่ลดน้อยถอยลง เพราะทุกคนเริ่มซื้อใช้บริการของคุณจนหมดแล้ว หรือแม้แต่สินค้าเดิม ๆ ที่เคยขายได้ ในวันนี้ลูกค้าอาจไม่ประทับใจเหมือนเก่า ถ้าคุณยังมัวย่ำอยู่กับที่โดยการฝากความหวังไว้กับสินค้าเดิม แต่คาดหวังให้ผลลัพธ์มันเปลี่ยนแปลง มีแต่จะทำให้ธุรกิจของคุณรอวันล้มตาย

สิ่งสำคัญสำหรับยุคนี้คือการมองหาช่องทางใหม่ ๆ ในการขาย ซึ่ง 4 รูปแบบนี้คือสิ่งที่คุณสามารถเริ่มต้นทำได้ตั้งแต่ตอนนี้เลย

พัฒนาสินค้าใหม่ ให้ลูกค้าเก่า

เริ่มต้นกลยุทธ์ง่าย ๆ ด้วยการเปิดไลน์ผลิตสินค้าชนิดใหม่ขึ้นมาเลย โดยคุณต้องสำรวจจากกลุ่มลูกค้าเก่าของคุณก่อนว่า นอกจากสินค้าที่คุณมีอยู่แล้ว พวกเขาต้องการสินค้าชนิดไหนเพิ่มเติมอีกบ้าง เช่น คุณอาจจะเพิ่มรสชาติใหม่เข้าไป ออกตัวอัปเกรดเข้าไป หรือปรับปรุงสูตรเพิ่มขึ้น ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นสิ่งที่คนส่วนใหญ่ทำกันทั้งสิ้น เหมือน iPhone ที่มีการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงทุกปี เพื่อขายสินค้าใหม่ให้กับลูกค้าเก่าของพวกเขานั่นเอง

ขายสินค้าเพิ่มเติมไปจากเดิม แต่ถูกจริตลูกค้าปัจจุบัน

การขายในรูปแบบนี้เรียกว่าการ Upselling เหมือนอย่างที่ทาง 7-11 จะคอยถามคุณเสมอเวลาคุณซื้อสินค้าเสร็จ ว่าจะรับขนมจีบ ซาลาเปา เพิ่มมั้ยคะ? นี่ก็เป็นกลยุทธ์การขายอย่างหนึ่งที่ได้ผลดีมาก เพราะคุณไม่มีทางรู้เลยว่าพวกเขาจะอยากได้อะไรเพิ่มเติมหรือไม่ จนกว่าจะได้เสนอสิ่งต่างๆ เหล่านั้นออกไป มันอาจจะโดนใจลูกค้าก็ได้ เช่น คุณขายรองเท้าอยู่แล้วเป็นทุนเดิม คุณก็อาจจะขายโซลกันรอยรองเท้าเพิ่มเติมเข้าไป หรือขายถุงเท้าที่ลดกลิ่นอับเพิ่มขึ้นก็ได้ รวมถึงคุณอาจออกโปรโมชั่นกระตุ้นการขายให้เป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้นก็ได้เช่นกัน

ทดลองตลาดใหม่ไปเรื่อยๆ

อย่าคิดว่าลูกค้าที่มาใช้บริการคุณบนโลกออนไลน์คือที่สุดที่คุณจะหาได้แล้วเด็ดขาด เพราะก่อนหน้าที่โลกเราจะมีอินเทอร์เน็ต ธุรกิจส่วนใหญ่ก็ทำกันบนระบบออฟไลน์ทั้งนั้น ซึ่งด้วยความที่คุณเป็นคนรุ่นใหม่ คุณอาจจะคิดว่าโลกออนไลน์คือทุกอย่าง จบจากโลกออนไลน์ก็จบกัน ทั้งที่ความเป็นจริงนั่นเป็นแค่หนึ่งในตลาดที่คุณจะสามารถขายได้เท่านั้นเอง ซึ่งการที่คุณทดลองตลาดใหม่ไปเปิดแบบออฟไลน์บ้าง ออนไลน์บ้าง เสนอขายสินค้าผ่านเฟซบุ๊กบ้าง โปรโมตผ่านยูทูปบ้าง ทุกอย่างจะช่วยให้คุณเห็นลู่ทางการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายใหม่ๆ ได้มากขึ้น จนคุณเองมีกำไรมากกว่าเดิมแบบที่คาดไม่ถึงเลยก็ได้

รีแบรนด์ใหม่ไปเลย

สุดท้ายแล้วการที่แบรนด์ของคุณอยู่มานานและติดภาพลักษณ์อะไรบางอย่างอยู่ อาจเป็นอุปสรรคที่ทำให้เข้าไม่ถึงกลุ่มเป้าหมายอื่นๆ ด้วยก็ได้ ซึ่งตัวอย่างของแบรนด์เก่าที่รีแบรนด์ใหม่ และขยายกลุ่มเป้าหมายให้ครอบคลุมมากขึ้นก็มีให้เห็นไม่น้อย ยกตัวอย่างเช่น แป้งศรีจันทร์ ที่มีจุดกำเนิดมาตั้งแต่ปี 2491 จนปัจจุบันอายุแบรนด์กว่า 70 ปี ซึ่งภาพลักษณ์นั้นจะมีความโบราณและความคลาสสิกอยู่มาก ทำให้ไม่สามารถเจาะตลาดกลุ่มวัยรุ่นยุคใหม่ได้ จึงได้ทำการรีแบรนด์เมื่อปี 2556 ขึ้นอีกครั้ง เปลี่ยนแพ็กเกจใหม่ให้สดใส และแป้งส่วนผสมใหม่ ซึ่งเกิดเป็นสินค้าที่ถูกใจคนทุกวัย และส่งออกไปขายสู่ตลาดต่างประเทศได้อย่างเป็นที่นิยม