ไอเดียเอาตัวรอดของธุรกิจ “โรงหนัง” ในช่วงวิกฤตโควิด-19


ตั้งแต่เริ่มมีการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ธุรกิจในอันดับต้น ๆ ที่ได้รับผลกระทบเร็วและแรงที่สุดก็คือ ธุรกิจโรงภาพยนตร์ หรือที่เราเรียกกันสั้น ๆ ว่า “โรงหนัง” นั่นเอง ด้วยรูปแบบของธุรกิจที่มีการรวมเอาคนจำนวนมากเข้าไปอยู่ในสถานที่เดียวกัน ซึ่งมีความเสี่ยงสูงในการแพร่กระจายเชื้อ ทำให้โรงหนังเป็นธุรกิจแรกที่โดนปิดก่อนใครเพื่อน

แล้วเรื่องนี้ก็ไม่ใช่ปัญหาที่เกิดขึ้นเฉพาะในประเทศไทยเท่านั้น มันคือปัญหาที่เกิดขึ้นกับโรงหนังทั่วโลก ธุรกิจนี้จำเป็นจะต้องหาทางออก เพื่อให้พนักงานของตนเองที่ยังต้องเลี้ยงปากเลี้ยงท้อง พอที่จะมีงานทำและมีรายได้ มาดูกันว่าบรรดาโรงหนังในที่ต่าง ๆ เขาปรับตัวทำอะไรกันไปบ้างแล้ว

ขายทุกอย่างที่โรงหนังมีอยู่

แนวคิดนี้น่าจะเป็นพื้นฐานของโรงหนังทั่วโลกที่ทำกันในช่วงที่เปิดให้คนเข้าไปดูหนังไม่ได้ จึงไม่น่าแปลกใจที่บรรดาป๊อปคอร์น, เสื้อยืด และแก้วน้ำ ถูกนำออกมาวางขายกันอย่างมากมาย เพราะสิ่งเหล่านี้คือสิ่งที่โรงหนังมีกันอยู่แล้ว งานนี้มีอะไรขายได้ก็เอาออกมาขาย

เปลี่ยนโรงหนังเป็นสตูดิโอถ่ายรูป

ประเทศจีนจุดเริ่มต้นของโรคระบาดโควิด-19 ผุดไอเดียการเปลี่ยนโรงหนังว่างเปล่าให้กลายเป็นสตูดิโอถ่ายภาพ โดยเฉพาะภาพแต่งงานของบรรดาหนุ่มสาวชาวจีนที่มีความต้องการภาพถ่ายที่เกิดจากมุมมองใหม่ ๆ ที่ไม่เหมือนใคร ซึ่งความนิยมไม่ได้หยุดอยู่แค่ความต้องการของวัยหนุ่มสาวเท่านั้น ผู้สูงอายุที่มีกำลังซื้อก็นิยมเหมาโรงหนัง เพื่อถ่ายรูปในฉากหลังที่แปลกนี้เช่นกัน

เปิดให้เช่าโรงหนังแบบส่วนตัวสุด ๆ

สำหรับบรรดาโอปป้าทั้งหลายที่กระเป๋าเงินหนา ก็สามารถเรียกใช้บริการโรงหนังส่วนตัวได้ เพราะงานนี้สามารถทำได้ครบทั้งการเว้นระยะห่างและการหลีกเลี่ยงความแออัดของคนหมู่มาก ใครที่เคยฝันเอาไว้ว่าอยากจะเหมาโรงนั่งดูคนเดียว ช่วงนี้เหมาะสมที่จะทำตามฝันกันที่สุดแล้ว

“หนังกลางแปลง” กำลังอยู่ในกระแส

ตอนนี้หลายแห่งในโลกไม่ว่าจะเป็น เยอรมนี, ลิทัวเนีย, อิหร่าน หรือแม้แต่อเมริกา กระแสของโรงหนังแบบไดร์ฟอินกำลังมาแรง เพราะการขับรถมาดูกันแค่สองคน บนลานจอดรถที่ทำการเว้นระยะห่างได้ เพียงพอที่จะทำให้คนเลือกเสพความสุขจากภาพยนตร์ได้ ในช่วงเวลาที่ยากลำบากนี้ อารมณ์ก็จะคล้าย ๆ กับการปูเสื่อนั่งดูหนังกลางแปลงแบบบ้านเรานี่เอง