สมาพันธ์สภาวิชาชีพฯ จับมือ 11 อาชีพ เตรียมปรับตัวรับยุค “New Normal” ชี้! อาชีพ “แพทย์ - ทนายความ - สถาปนิก - วิศวกร” เปลี่ยนแน่! หลังโควิด-19 จบ

วันที่ 12 พ.ค.63 สมาพันธ์สภาวิชาชีพแห่งประเทศไทย จับมือ 11 อาชีพ ร่วมถกข้อสรุปแนวทางการประกอบอาชีพยุค New Normal หลังโควิด-19 จบ อาทิ ทักษะและกระบวนการทำงานที่ต้องปรับ ความต้องการจ้างงาน สวัสดิการฉุกเฉิน กฎระเบียบมาตรฐานอาชีพใหม่ การใช้เทคโนโลยีมาเป็นส่วนหนึ่งในการทำงาน ฯลฯ ทั้งนี้เผยว่า 4 อาชีพที่มีการเปลี่ยนแปลงแน่นอน ได้แก่

1. แพทย์

2. ทนายความ

3. สถาปนิก

4. วิศวกร

ด้านศาสตราจารย์ ดร.สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ ประธานคณะกรรมการบริหารสมาพันธ์สภาวิชาชีพแห่งประเทศไทย และอธิการบดีสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) กล่าวว่าโควิด-19 (COVID-19) คือโรคอุบัติใหม่ที่สร้างความเปลี่ยนแปลงต่อทุกสิ่งทั่วโลก ทั้งกระบวนการทำงานของวิชาชีพต่าง ๆ พฤติกรรมของผู้คนที่เปลี่ยนสู่สิ่งใหม่ (New Normal) ที่ให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพมากขึ้น อาทิ การซื้อผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดและฆ่าเชื้อ การเว้นระยะห่างทางสังคม (Social Distancing) รวมถึงการทำกิจกรรมต่าง ๆ ผ่านระบบออนไลน์จากที่บ้าน ทั้งการสั่งอาหาร ชมภาพยนตร์แบบไลฟ์สตรีม เพื่อเป็นการป้องกันการติดเชื้อที่อาจจะเกิดขึ้นอีกในอนาคต

ดังนั้น สมาพันธ์สภาวิชาชีพแห่งประเทศไทย ซึ่งประกอบด้วยสภาวิชาชีพ 11 แห่ง ได้แก่ แพทยสภา สภาการพยาบาล สภาทนายความ สภาเภสัชกรรม ทันตแพทยสภา สภาวิศวกร สภาสถาปนิก สัตวแพทยสภา สภาเทคนิคการแพทย์ สภากายภาพบำบัด และสภาวิชาชีพบัญชีฯ จึงได้ร่วมกันจัดงานเสวนา ในหัวข้อ “การเตรียมตัวรับ New Normal หลังวิกฤตไวรัสโควิด-19” ผ่านระบบ Cisco Webex ขึ้น

เพื่อหาข้อสรุปแนวทางการปรับตัวประกอบอาชีพทั้ง 11 สาขาวิชาชีพควบคุม ในยุคที่พฤติกรรมผู้คนเปลี่ยน อาทิ ‘ทักษะและกระบวนการทำงานที่ต้องปรับ’ เพื่อป้องกันการแพร่กระจายเชื้อไวรัสและโรคอุบัติใหม่ในอนาคต ‘ความต้องการจ้างงาน’ ที่มีศักยภาพสูงและพร้อมปรับตัวรับสถานการณ์ ‘สวัสดิการฉุกเฉิน’ สำหรับบุคลากรทางการแพทย์กรณีได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ‘กฎระเบียบมาตรฐานอาชีพใหม่’ ที่ให้ความสำคัญกับสุขอนามัยประชาชนเป็นหลัก ‘การใช้เทคโนโลยีมาเป็นส่วนหนึ่งในการทำงาน’ เพื่ออำนวยความสะดวกประชาชนในการเข้าถึงบริการและความรู้ ฯลฯ

โดยพบว่า มี 4 แนวทางที่น่าสนใจ ในการปรับตัวการประกอบวิชาชีพแบบ New Normal หลังโควิด-19 ดังนี้

1. แพทย์ยุคใหม่ใส่ใจเฮลท์เทค (Health Tech) ด้วยพฤติกรรม New Normal ผู้คนจะใช้ชีวิตที่บ้านมากขึ้น แต่ยังใส่ใจสุขภาพต่อเนื่อง ดังนั้น แพทย์ พยาบาล และเภสัชกร จำเป็นต้องเรียนรู้เทคโนโลยีด้านสุขภาพ หรือระบบสุขภาพออนไลน์ อาทิ Telenursing Telemedicine Telepharmacy เพื่อนำมาช่วยทำงาน และพร้อมให้ความรู้สุขภาพถึงประตูบ้าน อาทิ การให้คำปรึกษาด้านสุขภาพ การจัดส่งใบสั่งยา การนัดหมายและติดตามอาการป่วย เพื่อให้ผู้ป่วย ได้รับการรักษาที่ต่อเนื่อง และดูแลตัวเองได้อย่างมีประสิทธิภาพ

2. ทนายความยุคใหม่ ต้องพร้อมรับ e-Filing สภาทนายความ เป็นหน่วยงานที่ต้องปรับปรุงระบบการทำงานอย่างต่อเนื่อง โดยที่ผ่านมา ศาลยุติธรรม กระทรวงยุติธรรม ได้พัฒนาระบบ e-Filing System ระบบยื่นฟ้องและส่งคำคู่ความ เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ประชาชน ให้สามารถยื่นฟ้องร้อง ยื่นเอกสารสำคัญ สืบพยาน รวมถึงพิจารณาคดีความผ่านระบบ VDO Conference ได้โดยไม่ต้องเดินทางไปขึ้นศาล นอกจากนี้ สภาทนายความ ยังมีสายด่วน 1167 พร้อมให้คำปรึกษาด้านกฎหมาย มาตรการ ข้อควรปฏิบัติ และสิทธิที่ประชาชนพึงได้

3. สถาปนิกต้องสร้างงานออกแบบใหม่ ด้วยเน้นการป้องกันการแพร่กระจายเชื้อ สถาปนิกยุค New Normal จะต้องให้ความสำคัญกับเกณฑ์ออกแบบใหม่ใน 6 ด้านสำคัญ คือ ความหนาแน่น การเว้นระยะห่างทางสังคม การจัดโซนนิ่ง การสัญจร ระบบถ่ายเทอากาศ และการลดการสัมผัส (ข้อมูล: ศูนย์ออกแบบและพัฒนาเมือง (UddC-CEUS) จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย) สู่ การทำงานร่วมกับวิศวกรในการปรับปรุงโครงการงานออกแบบสถานที่ต่าง ๆ ในอนาคต เช่น ร้านค้าแผงลอย ตลาดอาหาร ศูนย์อาหาร ที่ผู้คนสามารถเข้าใช้บริการได้อย่างสะดวกสบาย และไม่เสี่ยงต่อการติดเชื้อ

4. วิศวกรยุคใหม่ ต้องปรับตัว เรียนรู้ และบูรณาการความรู้ ประดิษฐ์นวัตกรรมสู้โควิด-19 ตลอดจนรองรับโรคอุบัติใหม่อื่น ๆ ในอนาคต เช่น การพัฒนา Co-Bot หุ่นยนต์ทำงานร่วมกับทีมแพทย์ เทคโนโลยีไร้สัมผัส (Touchless Technology) เทคโนโลยีโดรน (Drone)ในการจัดส่งเวชภัณฑ์และอาหาร หรือห้องตรวจเชื้อพิเศษ เพื่อลดเลี่ยงการสัมผัสกับผู้ป่วยโดยตรง รวมถึงการคิดค้นแนวทางการจัดการขยะติดเชื้อ ตามกระบวนการวิศวกรรมสิ่งแวดล้อม ฯลฯ

“สมาพันธ์สภาวิชาชีพฯ เรามุ่งยกระดับมาตรฐานสภาวิชาชีพในระดับสากล ผ่านขบวนการแห่งความร่วมมือและความเข้มแข็งที่สภาวิชาชีพแต่ละแห่ง เสริมสร้างและสานสัมพันธ์อันยิ่งใหญ่ต่อกัน เพื่อ ประโยชน์สูงสุด ต่อการพัฒนาวิชาชีพและสังคมไทยในอนาคต” ศ.ดร.สุชัชวีร์ กล่าว