กนง. มีมติ 4 ต่อ 3 ลดอัตราดอกเบี้ยเหลือ 0.50% ต่อปี หวังพยุงเศรษฐกิจผ่านวิกฤตโควิด-19


กนง. มีมติที่ประชุม 4 ต่อ 3 เสียง ให้มีการปรับลดอัตราดอกเบี้นลง 0.25% ต่อปี จากเดิมที่ระดับ 0.75% เหลือ 0.50% ต่อปี

นายทิตนันทิ์ มัลลิกะมาส เลขานุการ คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) กล่าวว่าที่ประชุม กนง. ประเมินเศรษฐกิจไทยในปี 2563 มีแนวโน้มหดตัวกว่าประมาณการเดิมที่ตั้งเอาไว้ที่ติดลบ 5.3% จากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 จึงมีมติ 4 ต่อ 3 เสียง ให้ลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงอีก 0.25 %ต่อปี จากเดิมที่ระดับ 0.75 % เป็น0.50 % ต่อปี โดยให้มีผลบังคับใช้ในทันที ซึ่งการปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งนี้ทำให้เป็นค่าที่ต่ำที่สุดเป็นประวัติการณ์

นอกจากนี้ อัตราเงินเฟ้อทั่วไปมีแนวโน้มติดลบกว่าที่ประเมินไว้ เสถียรภาพระบบการเงินเปราะบางมากขึ้นตามภาวะเศรษฐกิจ กนง.เห็นว่า ให้ควรผลักดันให้สถาบันการเงินเร่งปรับปรุงโครงสร้างหนี้ของลูกหนี้ โดยเฉพาะครัวเรือนและธุรกิจขนาดกลางขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) ให้เกิดผลในวงกว้างมากขึ้น และเร่งรัดการให้สินเชื่อผ่านโครงการต่าง ๆ ที่ได้ออกมาก่อนหน้า เพื่อให้สภาพคล่องกระจายตัวไปสู่ภาคธุรกิจและครัวเรือนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 ให้เร็วขึ้น

สำหรับประเด็นที่ กนง.จะติดตามต่อไป คือ ความเสี่ยงที่จะเข้ามากระทบจากการทรุดตัวองเศรษฐกิจต่างประเทศและการระบาดของโควิด-19 รวมทั้งผลจากการผ่อนคลายมาตรการควบคุมและโอกาสที่การระบาดในประเทศอาจกลับมา รวมทั้งติดตามประสิทธิผลของมาตรการการคลังและมาตรการด้านการเงินและสินเชื่อ รวมทั้งการว่างงานที่เพิ่มขึ้นมากกว่าคาด

ทั้งนี้ิ หลังจากที่ ธปท. ออกมาตรการดูแลเสถียรภาพตลาดการเงิน มีการจัดตั้งกองทุนเพื่อรักษาสภาพคล่องของการระดมทุนในตลาดตราสารหนี้ (BSF) ตลาดตราสารหนี้กลับมาทำหน้าที่ได้เป็นปกติมากขึ้น แต่ยังต้องติดตามสถานการณ์ของสหกรณ์ออมทรัพย์ที่อาจได้รับผลกระทบจากการลงทุนในตราสารหนี้เอกชน รวมถึงความกังวลต่อสถานการณ์เงินบาทที่อาจกลับมาแข็งค่าขึ้น ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ จึงเห็นควรให้ติดตามสถานการณ์ตลาดการเงินและตลาดอัตราแลกเปลี่ยนอย่างใกล้ชิด