Alibaba ชี้เอสเอ็มอีไทยยังมีโอกาสโตอีกมาก หากใช้ประโยชน์จากออนไลน์เต็มรูปแบบ


Alibaba.com แพลตฟอร์มสำหรับการทำธุรกิจแบบ Business-to-Business (B2B) ชั้นนำระดับโลก ได้จัดการประชุมออนไลน์หัวข้อ “Go Export 2020: Thailand Online Seller Summit” เพื่อแนะนำให้ธุรกิจเอสเอ็มอีของไทยคว้าโอกาสที่มีอยู่มากมายในโลกออนไลน์

 

 

โอกาสที่ดีที่สุดในยุคโควิด-19 ระบาด คือ “ออนไลน์”

คุณณัฐพล รังสิตพล อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (กสอ.) เปิดเผยว่า ทุกวิกฤตินั้นมีโอกาสเสมอ แม้ในยุคที่โรคโควิด-19 แพร่ระบาดไปทั่วจนทำให้ผู้ประกอบการในประเทศไทยได้รับผลกระทบเป็นวงกว้าง โดยโอกาสที่ดีที่สุดสำหรับเอสเอ็มอีไทยในยุคโควิด-19 คือโลกออนไลน์ และการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลต่าง ๆ ให้มีประสิทธิผลที่สุด ซึ่งทางรัฐบาลเองก็มีนโยบายรองรับในส่วนนี้ เพื่อพัฒนาธุรกิจเอสเอ็มอีของไทยให้ตรงจุด

การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 นั้นเป็นที่รู้กันแล้วว่า ทำให้ผู้ซื้อหันไปใช้ระบบออนไลน์ในการจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น อย่างไรก็ดี พฤติกรรมดังกล่าวอาจจะคงอยู่ต่อไปแม้ควบคุมโรคระบาดได้แล้ว เท่ากับว่าผู้ซื้อบางส่วนอาจจับจ่ายใช้สอยผ่านโลกออนไลน์แบบถาวร ซึ่งผู้ประกอบการไทยต้องเตรียมรับมือในเรื่องนี้

 

 

อินเทอร์เน็ตคือกุญแจสู่หนทางการอยู่รอด

สตีเฟน คูโอ ผู้อำนวยการ Alibaba.com ประจำเอเชียแปซิฟิก เปิดเผยว่า การเข้ามาของเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซทำให้ผู้คนกลายเป็นเจ้าของธุรกิจกันมากขึ้น โดยอินเทอร์เน็ตเป็นกุญแจสู่ความอยู่รอดในยุคนี้ เพราะถ้าไม่รู้จักใช้ประโยชน์จากอินเทอร์เน็ตแล้ว ก็จะทำให้สูญเสียโอกาสอย่างมหาศาล

สำหรับแนวโน้มของ Alibaba.com ในประเทศไทยนั้น คุณสตีเฟนหวังว่าสักวันหนึ่งไทยจะกลายเป็นซัพพลายเออร์ที่ใหญ่ที่สุดรายหนึ่งในเอเชียบน Alibaba.com และหวังว่าเอสเอ็มอีไทยจะมีโอกาสส่งออกสินค้าไปทั่วโลกมากขึ้นผ่านแพลตฟอร์มนี้

ปัจจุบัน Alibaba.com มีสินค้าลงขายจากผู้ประกอบการไทยกว่า 170,000 รายการ โดยหมวดสินค้าที่เอสเอ็มอีไทยนิยมขายมากที่สุดคือ อาหารและเครื่องดื่ม, สินค้าเกษตร, สินค้าความงาม, เสื้อผ้า, ของแต่งบ้านและสวน, สินค้าหมวดสุขภาพ, สิ่งทอและเครื่องหนัง, รถและอุปกรณ์แต่งรถ, นาฬิกา. เครื่องประดับ, แว่นตา ไปจนถึงเครื่องจักร ขณะนี้แม้ว่าจะมีผู้ขายชาวไทยจำนวนมาก แต่ก็ยังมีโอกาสที่จะเติบโตมากกว่านี้จนติดอันดับต้น ๆ ของแพลตฟอร์ม

 

 

แพลตฟอร์มออนไลน์คือเครื่องมือแจ้งเกิดของเอสเอ็มอี

คุณวีรนุช คชรัตน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท K.S. Industry and Trading จำกัด ซึ่งประสบความสำเร็จในการนำเข้า-ส่งออกสินค้าผ่าน Alibaba.com เปิดเผยว่า แพลตฟอร์มออนไลน์เป็นเครื่องมือที่สำคัญสำหรับธุรกิจเอสเอ็มอี เนื่องจากไม่ต้องมีเงินทุนหนาเหมือนองค์กรยักษ์ใหญ่ แต่ก็มีโอกาสส่งออกสินค้าไปยังต่างประเทศ

คุณวีรนุช ในฐานะผู้บริหารบริษัทน้องใหม่ที่เปิดมาได้เพียงแค่ปีเดียวแต่ประสบความสำเร็จเป็นอย่างดีได้เล่าถึงจุดเริ่มต้นในการเปิดบริษัทว่า เริ่มมาจากธุรกิจของครอบครัวซึ่งทำธุรกิจเกี่ยวกับการท่องเที่ยวและจัดอีเวนต์ ทำให้คุณวีรนุชได้มีโอกาสสัมผัสกับสินค้า OTOP และพูดคุยกับชาวบ้านที่ผลิตสินค้า โดยเล็งเห็นว่าสินค้าเหล่านี้มีโอกาสเติบโตในต่างประเทศจึงได้ตัดสินใจลองขายสินค้าดังกล่าวบน Alibaba.com

ในช่วงเวลาที่ทดลองขายสินค้าครั้งแรกนั้น คุณวีรนุชก็ได้เดินทางไปเจรจาทางธุรกิจกับพาร์ทเนอร์ในประเทศจีนด้วยตนเอง โดยคุณวีรนุชได้ไปติดต่อเรื่องธุรกิจที่จีนเป็นเวลา 10 วัน ใช้เงินไปประมาณ 300,000 บาท แต่การเจรจาธุรกิจไม่ลงตัวจึงกลับบ้านมือเปล่า

แต่ในทางกลับกัน Alibaba.com ได้ส่งตัวแทนมาให้คำแนะนำในการขายสินค้าบนแพลตฟอร์ม หลังจากนั้นไม่กี่วัน ร้านของคุณวีรนุชบน Alibaba.com ก็มีผู้เข้ามาสอบถามรายละเอียดสินค้ามากมาย ทั้งจากแอฟริกา สิงคโปร์ มาเลเซีย และจีน จนทำให้ส่งออกมะพร้าวล็อตใหญ่ส่งออกไปได้ในท้ายที่สุด

ซึ่งคุณวีรนุชยอมรับว่าถ้าไม่มีแพลตฟอร์มออนไลน์อย่าง Alibaba.com บริษัทเล็ก ๆ อย่าง K.S. Industry and Trading ก็คงจะไม่มีโอกาสส่งออกสินค้าล็อตใหญ่ ๆ ไปต่างประเทศ และบริษัทเองก็แทบจะไม่ต้องออกเดินทางไปหาตลาดใหม่ ๆ เลย เพราะแพลตฟอร์มออนไลน์นี้ทำให้ลูกค้าวิ่งเข้าหาเราเอง

นอกจากนี้ ในช่วงที่มีการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ธุรกิจนำเข้าและส่งออกที่คุณวีรนุชเป็นซีอีโอ เป็นธุรกิจเดียวในกลุ่มบริษัท K.S. Group ที่อยู่รอด ในขณะที่ธุรกิจอื่น ๆ ในเครือ ทั้งธุรกิจก่อสร้างและรับจัดอีเวนต์ ต่างได้รับผลกระทบไปหมด ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าการซื้อขายออนไลน์ไม่ว่าจะในระดับ B2B หรือ B2C มีโอกาสรอดสูงแม้ในยามที่เกิดวิกฤติ

 

 

เอสเอ็มอีไทยยังมีโอกาสอีกมาก และต้องใช้เครื่องมือที่มีให้เป็น

ทุกวันนี้ สินค้าไทยบน Alibaba.com ยังนับว่ามีไม่มากนักเมื่อเทียบกับประเทศอื่น ๆ ซึ่งหมายความว่า ผู้ประกอบการไทยยังมีโอกาสอีกมากในการส่งออกสินค้าของตนเองไปทั่วโลก โดยคุณปณิชา เลาหะมณฑลกุล ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาธุรกิจ บริษัท 3M ผลิตภัณฑ์อาหาร จำกัด บริษัทจำหน่ายสินค้าอาหารสำหรับแบรนด์เอสเอ็มอี ซึ่งใช้บริการ Alibaba.com มาถึง 14 ปี ได้ให้คำแนะนำว่า Alibaba.com เป็นแพลตฟอร์มที่มีเครื่องมือให้ใช้ประโยชน์มากมาย ซึ่งผู้ประกอบการไทยควรใช้ให้คล่องเพื่อที่จะขายสินค้าให้ได้อย่างมีประสิทธิภาพที่สุด โดย Alibaba.com มีข้อมูลหลังร้านจากการวิเคราะห์เชิงลึก เพื่อให้ผู้ขายนำไปพัฒนารูปแบบการขายของตนเอง ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลการประเมิน Ranking ของร้าน หรือการวิเคราะห์คีย์เวิร์ดต่าง ๆ

นอกเหนือจากแพลตฟอร์มออนไลน์แล้ว คุณปณิชามองว่า การทำธุรกิจแบบออฟไลน์ก็เป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้ามเช่นกัน เพราะเจ้าของธุรกิจควรเก็บให้ครบทุก Journey ของลูกค้า เพื่อให้ลูกค้าไปที่ไหนก็เจอสินค้าของเรา ไม่ว่าจะเสิร์ชหาบนอินเทอร์เน็ต หรือออกบูธตามงานแสดงสินค้าก็ตาม