คลุกคลีน้องเหมียวต้องระวัง! “โรคขี้แมวขึ้นสมอง” เสี่ยงโรคตาอักเสบ-ซึมเศร้า


ศูนย์วิจัยโรคปรสิต ม.เทคโนโลยีสุรนารี เผย พบผู้ป่วยชายวัย 30 ปี ติดเชื้อ “โรคขี้แมวขึ้นสมอง” เป็นอันตรายต่อระบบตา ส่งผลต่อภาวะซึมเศร้า เตือนทาสแมวหมั่นตรวจสุขภาพตนเอง

วันที่ 25 พ.ค.63 เฟซบุ๊กแฟนเพจ PDRC ศูนย์วิจัยโรคปรสิต สำนักวิชาแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี ได้นำเสนอข้อมูลที่น่าสนใจ เกี่ยวกับโรคที่มากับแมว ระบุว่า ผู้ที่ชอบเลี้ยงแมวต้องหมั่นตรวจสุขภาพ เนื่องจากมีการผู้ป่วยชายอายุ 30 ปีรายหนึ่ง มีรอยโรคขนาด 5 มิลลิเมตรที่ตาขวา และขนาดเกือบ 1 มิลลิเมตรที่ตาซ้าย โดยผลตรวจมีความสัมพันธ์กับโรค Chorioretinal Toxoplasmosis ที่เกิดจากติดเชื้อโรคขี้แมวขึ้นสมอง หรือ Toxoplasma gondii

โดยเชื้อนี้มักพบในสัตว์เลือดอุ่นโดยเฉพาะแมว พบได้ทั่วโลก คนติดต่อโดย กินเนื้อที่ปรุงไม่สุก กินอาหาร ดื่มน้ำที่มีการปนเปื้อนมูลแมวที่มีเชื้อ การสัมผัสกับบริเวณดินหรือกระบะเลี้ยงแมวแล้วล้างมือไม่สะอาด การถ่ายเลือด ปลูกถ่ายอวัยและถ่ายทอดผ่านรกจากแม่สู่ลูก

การติดเชื้อชนิดนี้ก่อให้เกิดอาการทางตา โดยเฉพาะเด็กที่เกิดมาพร้อมการติดเชื้อชนิดนี้ โรคนี้ทำให้เกิดแผลเรตินาอักเสบและเป็นรอย ทำให้เจ็บตา ทนแสงไม่ได้ เกิดการฉีกของเรตินา และสายตาพร่ามัว

ในภาวะปกติ คนปกติผู้ที่ติดเชื้อมักไม่แสดงอาการ หรือมีอาการคล้ายไข้หวัด ต่อมน้ำเหลืองโตและกดเจ็บบริเวณศีรษะและคอ ปวดหัว มีไข้ ปวดกล้ามเนื้อ เจ็บคอ แต่ถ้าเป็นผู้ป่วย HIV หรือมะเร็ง อาจมีอาการที่รุนแรงขึ้น เช่น มึนงง มีไข้ ปวดหัว สายตาพร่ามัว ชัด คลื่นไส้ การประสานงานของร่างกายไม่ดี

มีงานวิจัยรายงานว่าเชื้อนี้ส่งผลกระทบต่อบุคคลิกภาพและพฤติกรรมโดยทำให้เกิดบุคลิกภาพแบบหวั่นไหว (Neuroticism) โรคจิตเภท (Schizophrenia) โรคซึมเศร้า (Depression) และมีความเสี่ยงในการฆ่าตัวตาย แต่ก็มีรายงานวิจัยหลายฉบับเช่นกันที่แย้งในประเด็นเหล่านี้ จำเป็นต้องมีการศึกษาเพิ่มเติมต่อไป

สำหรับการป้องกัน ทางเพจ PDRC ศูนย์วิจัยโรคปรสิต ให้คำแนะนำดังนี้

ผู้ที่ชอบคลุกคลีกับแมว ผู้ที่มีอาชีพฆ่าสัตว์ ชำแหละ และขายเนื้อสัตว์ ควรหมั่นตรวจสุขภาพตนเองเมื่อมีอาการดังข้างต้น

หญิงตั้งครรภ์ควรตรวจคัดกรองโรคนี้เมื่อครบตามกำหนด เพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อนต่างๆที่จะตามมา

สำหรับหญิงที่เคยติดเชื้อควรรออย่างน้อย 6 เดือนหลังการติดเชื้อ ก่อนจะตั้งครรภ์ เพราะการติดเชื้อระหว่างการตั้งครรภ์อาจทำให้แท้งเด็ก เด็กเสียชีวิตในท้อง หรือเด็กเกิดมาอาจมีศีรษะขนาดไม่ปกติ และเมื่อโตขึ้นอาจมีปัญหาทางระบบประสาท เช่น เสียการมองเห็น มีความบกพร่องทางสติปัญญา และชัก