หมดเวลานั่งเพ้อ มาดูวิธีที่จะเปลี่ยนความเชื่อและความฝันของคุณ ให้กลายเป็นความจริง


เชื่อไหมว่า ในโลกที่เราอยู่อาศัยจะมีคนอยู่ 2 ประเภทรวมอยู่ในคนส่วนใหญ่ นั่นคือ คนที่ยอมรับชะตาชีวิต ไม่ว่าฟ้าจะบันดาลอะไรมา ก็เอาอย่างนั้นแหละ กับคนที่ลุกขึ้นมาเพื่อกำหนดชะตาชีวิตของตัวเองให้เป็นไปตามที่ต้องการ

ซึ่งคนทั้งสองประเภท จะต่างกันตรง “การลงมือทำ”

ประเภทแรก “คนที่ยอมรับชะตากรรม” จะตื่นนอนขึ้นมา และดำเนินชีวิตไปวัน ๆ แบบไร้แก่นสาร

แต่สำหรับคนประเภทที่ 2 “ต้องการความสำเร็จ” เขาจะตื่นเช้าขึ้นมา มองหาสิ่งดี ๆ ให้กับชีวิตของตัวเอง และลงมือทำสิ่งนั้นให้เป็นจริง ซึ่งถ้าตอนนี้คุณอยากเป็นประเภทที่ 2 แล้วล่ะก็ นี่คือ 5 เทคนิคที่จะสายต่อความฝันของคุณได้แน่นอน

1. มีจุดหมายในใจ

อันดับแรกก่อนที่เราจะประสบความสำเร็จได้ เราต้องตั้งเป้าหมายขึ้นในใจ และถามตัวเองว่า เราต้องทำยังไงบ้างถึงจะสามารถบรรลุเป้าหมายตรงนี้ให้สำเร็จได้ ซึ่งยิ่งคุณใส่ใจ และต้องการมันมากเท่าไหร่ยิ่งจะเป็นแรงผลักดันให้คุณไม่ล้มเลิกมันเท่านั้น

2. มองหาดูว่าคุณขาดอะไร

หลังจากรู้เป้าหมาย และเครื่องมือที่จะพาคุณไปถึงมันได้แล้ว ทีนี้ก็มาดูกันว่า เป้าหมายตรงนั้นต้องการทักษะอะไรบ้าง และเราขาดในส่วนไหนอยู่ เช่น ถ้าคุณอยากขายงานให้ได้เยอะๆ คุณก็อาจจะต้องฝึกพูด เสริมความมั่นใจในเรื่องของการวางตัว และบุคลิกภาพ ซึ่งมีหนังสือมากมายที่จะช่วยในเรื่องนี้ได้ รวมทั้งเพื่อนร่วมงาน และที่ปรึกษาดีๆ สักคน ก็จะช่วยเพิ่มเติมในสิ่งที่คุณกำลังขาดอยู่ได้เป็นอย่างดี

3. กำหนดเส้นตายตัวเองให้ชัดเจน

เมื่อเริ่มต้นศึกษาและเพิ่มเติมในส่วนที่ตัวเองขาดแล้ว ก็ต้องมีลิมิตด้วยนะครับ ไม่ใช่เรียนไป ศึกษาไปแบบนั้นโดยไม่มีวันสิ้นสุด เท่ากับว่าเราเสียเวลาฟรีโดยไม่ได้เริ่มพัฒนาธุรกิจ หรือความฝันตัวเองสักที ต้องวางแผนว่าระหว่างนี้ความฝันของเราจะดำเนินไปถึงตรงไหน ในระยะเวลาเท่าไหร่ วางแผนให้ดี และทำตามอย่างมีวินัย

4. เรียงและจัดลำดับความสำคัญ

แน่นอนครับว่าความฝันของคนส่วนใหญ่ย่อมไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ ธรรมดา ๆ ที่จะทำได้ ดังนั้นการเรียงลำดับขั้นจึงเป็นสิ่งสำคัญ ที่จะช่วยให้เราพัฒนาตัวเองไปสู่ความฝันได้อย่างต่อเนื่อง อย่าเริ่มจากสิ่งที่ยากที่สุด หรือง่ายที่สุด แต่ให้คิดว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้คืออะไร และเริ่มต้นเรียนรู้จากสิ่งนั้นเป็นอันดับแรก

5. อย่าปล่อยให้ทัศนคติแง่ลบเข้าครอบงำ

ช่วงเวลาวิ่งตามความฝันแล้วดันต้องเจอกับอุปสรรค หรือทางตัน เราอาจจะรู้สึกท้อแท้ ซึ่งคุณต้องคอยขับไล่มันออกไปให้เร็วที่สุด เพราะถ้าเรามัวแต่ดำดิ่งอยู่กับความรู้สึกล้มเหลวนี้เป็นเวลานาน มันจะทำให้เราหมดไฟ และไม่มีแรงจะก้าวไปต่อ พยายามให้กำลังใจตัวเองให้มาก ๆ และคอยมอบรางวัลให้กับตัวเองทุกครั้งที่เดินทางไปได้ตามจุดหมายที่วางไว้

หากทำสำเร็จอย่าลืมชมตัวเองในใจสักนิดว่า “เราเองก็เก่งเหมือนกันนะ”