กลยุทธ์การเพิ่มยอดขายแบบ “เล่นกับอารมณ์ ไม่ใช่เหตุผล”


การทำการค้าในยุคนี้ นอกจากจะต้องอาศัยกลยุทธ์ทางการตลาดและการวางแผนที่แม่นยำเพื่อดึงยอดขายให้ได้ตามเป้าหมายแล้ว ยังมีเรื่องราวและวิธีการอีกมากมายที่จะโน้มน้าวจิตใจให้ลูกค้าทั้งหน้าเก่าและหน้าใหม่ให้หันมาใช้บริการกับเราได้

ซึ่งวันนี้เราจะมานำเสนอ จิตวิทยาการขาย ซึ่งวิธีการนี้จะเน้นไปในด้านของการจูงใจให้ลูกค้าเข้ามาใช้บริการเราด้วยอารมณ์ มากกว่าเหตุผล ซึ่งเป็นกลยุทธ์ที่แบรนด์ดังยักษ์ใหญ่ระดับโลกต่างใช้ให้เกิดการแย่งชิงและต้องการซื้อสินค้านั้นๆ มาไว้ในครอบครองให้เร็วที่สุด เพื่อเป็นประสบการณ์ที่ดีของตัวเอง

บางแบรนด์ก็ใช้กลยุทธ์เล่นกับหลักจิตวิทยาเหล่านี้โดยการให้ลูกค้าเปิดจองสินค้าล่วงหน้าและต้องรอนานหลายเดือน กว่าสินค้าจะส่งตรงถึงมือ ทั้ง ๆ ที่ในความเป็นจริงสินค้าอาจจะมีในสต็อกเพียงพอต่อความต้องการอยู่แล้วก็ได้ ซึ่งที่ทำทั้งหมดนี้ก็เพราะต้องการให้ลูกค้ารู้สึกถึงความพิเศษ และความเป็นคนกลุ่มแรกที่ได้ใช้สินค้าชิ้นนั้น ๆ นั่นเอง กลยุทธ์เพิ่มยอดขายด้วยหลักจิตวิทยานั้นยังมีด้วยกันอีก 3 วิธีง่าย ๆ คือ

1. จำกัดจำนวนสินค้าเอาไว้

เทคนิคนี้ใช้กันเยอะมาก ไม่เพียงแค่กับแบรนด์ดังระดับโลกเท่านั้น แต่ทั้งแบรนด์เล็กแบรนด์น้อย เดี๋ยวนี้ก็เรียนรู้และเริ่มหันมาใช้กลยุทธ์นี้กันมากขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งวิธีการก็คือ ผลิตสินค้าในจำนวนจำกัด ทั้ง ๆ ที่สามารถผลิตสินค้าในปริมาณที่เยอะได้ แต่เพื่อทำให้สินค้าชิ้นนั้นมีค่า มีความหมาย และยากในการครอบครอง จึงทำให้เกิดคำว่า Limited ขึ้นมา และอัพเกรดราคาสินค้าขึ้นไปให้สูงจนติดเพดาน เล่นกับอารมณ์และความรู้สึกของคนซื้อ เพื่อให้ได้ครอบครองสิ่งที่น้อยคนนักจะมีได้ จึงทำให้เกิดความรู้สึกดี และรู้สึกพิเศษขึ้น จนยอมจ่ายเงินเพื่อให้ได้สินค้าชิ้นนั้นไปในราคาที่แพงกว่าปกตินั่นเอง

2. จำกัดช่วงการขาย

ไม่ใช่เทคนิคใหม่อะไรเลย แต่หลาย ๆ คนก็มักจะพลาดและหลงลืมกลยุทธ์หลักจิตวิทยานี้ไป ซึ่งถ้าให้ยกตัวอย่างง่าย ๆ ก็คงเหมือนกับ ที่โฆษณาซาร่า และจอร์จชอบพูดกันเป็นประจำ

“หากคุณโทรเข้ามาภายใน 10 นาทีนี้ รับฟรี …” ซึ่งเป็นการจำกัดช่วงเวลาการขายเช่นกัน หรือบางร้านก็อาจจะติดป้ายว่า “เซลล์สินค้าทุกชิ้น วันนี้วันสุดท้าย” เพื่อให้ผู้บริโภครีบตัดสินใจซื้อสินค้าและบริการ ทำให้เกิดความรู้สึกว่าถ้าไม่ซื้อตอนนี้ จะไม่มีวันได้ราคานี้อีกแล้ว

3. ลดราคาซะเลย

วิธีนี้เป็นวิธีบ้าน ๆ ที่ใช้ได้ผลมากที่สุด และมีผลต่อกลุ่มเป้าหมายค่อนข้างเห็นชัด ซึ่งการลดราคาสินค้าลงมาตามช่วงเทศกาล หรือกิจกรรมต่าง ๆ ก็จะทำให้ลูกค้ารู้สึกว่าการซื้อสินค้าชิ้นนั้นตอนนี้มันคุ้มค่ามาก ถ้าไม่ซื้อก็จะต้องรออีกนานแสนนาน ทำให้ตัดสินใจซื้ออย่างรวดเร็ว ทั้ง ๆ ที่ลูกค้าอาจจะไม่ได้ต้องการสินค้าหรือบริการของเราเลยแม้แต่น้อยก็ได้ สาเหตุหลักที่ทำให้วิธีการนี้ได้ผลก็เพราะ ใคร ๆ ก็ชอบของถูกนั่นเอง