ครม. มีมติเห็นชอบหลักการให้ดำเนินมาตรการกระตุ้นท่องเที่ยว ซึ่งรวมถึงแพ็กเกจ “กำลังใจ-เที่ยวปันสุข-เราไปเที่ยว” โดยมอบส่วนลดท่องเที่ยวสูงสุด 40%
ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี วันนี้ (16 มิ.ย. 2563) มีมติเห็นชอบโครงการฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมภาคการท่องเที่ยว เป็นมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยว ตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และกระทรวงการคลังเสนอเข้าที่ประชุมให้จัดทำ โครงการมอบส่วนลดเพื่อสนับสนุนการท่องเที่ยวในประเทศ
ซึ่งมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยว ประกอบด้วย 3 แพ็กเกจ แบ่งเป็นสำหรับบุคลากรทางการแพทย์ และสำหรับประชนทั่วไป โดยจะใช้ระยะเวลา 4 เดือนคือ ตั้งแต่กรกฎาคม-ตุลาคม 2563
ส่วนชื่อของโครงการนั้นอยู่ในระหว่างการพิจารณาชื่อที่เหมาะสม หากได้ชื่อและได้ระบบลงทะเบียนแล้ว จึงจะเริ่มเปิดให้ประชาชนได้ใช้งาน
ส่วนรายละเอียดและเงื่อนไขของแต่ละแพ็กเกจในโครงการประกอบไปด้วย
1. กำลังใจ
รัฐบาลสนับสนุนค่าเดินทางของอาสาสมัครสาธารณสุข (อสม.) และเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) รวม 1,200,000 คน ให้เดินทางโดยการใช้บริการกับบริษัทนำเที่ยว ซึ่งรัฐจะสนับสนุนงบประมาณเดินทางไม่เกินคนละ 2,000 บาท/คน สำหรับการเดินทางที่ไม่น้อยกว่า 2 วัน 1 คืน
2. เที่ยวปันสุข
รัฐบาลสนับสนุนการเดินทางของประชาชน จำนวนไม่น้อยกว่า 2,000,000 คน โดยการจำหน่ายบัตรโดยสารของผู้ประกอบการขนส่งด้านการท่องเที่ยว 3 กลุ่ม ได้แก่ สายการบินในประเทศไทย รถขนส่งไม่ประจำทางข้ามจังหวัด และรถเช่าในอัตราร้อยละ 40 แต่ไม่เกิน 1,000 บาท
3. เราไปเที่ยวกัน
รัฐบาลสนับสนุนค่าโรงแรมที่พักในลักษณะร่วมจ่าย (Co-pay) จำนวน 5,000,000 คืน ในอัตราร้อยละ 40 ของค่าห้องพักแต่ไม่เกิน 3,000 บาทต่อคืน และสนับสนุนค่าอาหารและค่าใช้จ่ายสถานที่ท่องเที่ยวที่เข้าร่วมโครงการและ ททท. จะแจ้งรายชื่อแก่ธนาคารกรุงไทย จำนวน 600 บาทต่อห้องต่อคืน โดยจะต้องมีที่ตั้งอยู่ในจังหวัดอื่นที่ไม่ใช่จังหวัดในทะเบียนบ้านของประชาชนผู้จองที่พัก
ทั้งนี้ งบประมาณทั้งหมดราว 22,400 ล้านบาท จะถูกนำไปใช้ในโครงการกำลังใจ 2,400 ล้านบาท โครงการเราไปเที่ยวกัน 18,000 ล้านบาท และโครงการเที่ยวปันสุข 2,000 ล้านบาท
สำหรับวิธีลงทะเบียนนั้น คาดว่าประชาชนจะต้องลงทะเบียนรับสิทธิ์ในรูปแบบของเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชัน คล้ายกับโครงการชิมช้อปใช้ หรือโครงการการท่องเที่ยวอื่น ๆ ที่จัดขึ้นเมื่อปีที่แล้ว ซึ่งต้องรอการยืนยันรายละเอียดเกี่ยวกับขั้นตอนลงทะเบียนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอีกครั้ง