ทำไมธุรกิจยุคนี้ต้องทรานส์ฟอร์มถึงจะอยู่รอด
การทำธุรกิจสมัยนี้ เราไม่อาจทำแบบเดิม ขายแบบเดิม บริหารแบบเดิมได้อีกต่อไป เพราะความก้าวหน้าของเทคโนโลยีที่มีความทันสมัยมากขึ้นจึงเข้ามาเปลี่ยนแปลง ทำให้ธุรกิจที่ทำอยู่ดียิ่งขึ้น
การทำธุรกิจนั้น ลูกค้าเป็นสิ่งสำคัญที่สุดก็จริง แต่ก็ใช่ว่าคุณจำเป็นต้องยอมคว้าเอาทุกคนที่ผ่านทางมาเป็นลูกค้าของคุณทั้งหมด เพราะคนในโลกนี้มีหลายประเภท ดังนั้นการที่คุณคาดหวังจะให้ลูกค้าทุกคนใช้บริการคุณอย่างน่ารัก และตอบรับทุกโปรโมชั่น หรือการขายนั้นเป็นเรื่องยากมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าเจอลูกค้าทั้ง 4 ประเภทนี้ แนะนำให้คุณรีบเอาตัวออกห่างให้เร็วที่สุด และโฟกัสหาคนใหม่จะดีกว่า เพราะนอกจากลูกค้าเหล่านี้จะไม่สร้างกำไรให้เกิดขึ้นง่ายๆ แล้ว ยังอาจทำให้คุณเสียเวลา และสุขภาพจิตอีกด้วย
1. ลูกค้าที่มาเพื่อกดราคา
ลูกค้าประเภทนี้จะเจอได้บ่อยมากในการทำธุรกิจไม่ว่าจะอะไรก็ตาม ซึ่งการกดราคานั้นต่างกับการต่อราคา เพราะการต่อราคาคุณจะยังคงรับรู้ได้ถึงความสมเหตุสมผลของการขายสินค้าคุณ คุณอาจจะยังมีกำไรอยู่บ้างในจำนวนที่คุณรับได้ แต่ลูกค้าที่มาเพื่อกดราคา เขาจะมีราคาในใจที่ต่ำกว่าราคาที่คุณเสนอไปเยอะมาก และสร้างความลำบากใจให้กับคุณตั้งแต่เริ่มคุย การต่อรองกันเป็นเรื่องธรรมชาติของการทำธุรกิจ เพียงแต่คุณจะรับรู้ได้ว่าเมื่อไหร่ก็ตามที่มันมากเกินไป และไม่ใช่ราคาที่สมเหตุสมผลกับที่คุณตั้งธงไว้ การกดราคานั้นไม่จำเป็นต้องทำให้คุณต้องเสียเวลา แต่คุณสามารถมองหาลูกค้าใหม่แทนได้เลย
2. ลูกค้าที่ขอสิทธิพิเศษเหนือใคร
ลูกค้าประเภทที่มาขอสิทธิพิเศษเหนือคนอื่นนี้คุณอาจจะพบเจอได้บ่อยครั้ง แต่สิทธิพิเศษนั้นบางครั้งก็เกินขอบเขตที่คุณจะให้ได้ เช่น นัดคุยงานกันที่ตึกหรูโรงแรม 5 ดาวตลอด หรือจะคุยงานแต่ละครั้งต้องใช้สถานที่ที่ทำให้คุณหมดเงินจำนวนมาก พร้อมกับกิจกรรมที่ไม่จำเป็นกับการทำงานเลย ซึ่งหากองค์กรของคุณมีงบตรงนี้อยู่แล้ว นี่ไม่ใช่เรื่องใหญ่ แต่หากคุณคุยกัน 2 ครั้งขึ้นไป และยังไม่มีทีท่าว่าเขาจะใช้บริการคุณ ให้รู้ไว้เลยว่านั่นคือลูกค้าที่อาจจะมาใช้ประโยชน์จากคุณในจุดนี้ก็ได้ เพราะมีลูกค้ามากมายที่มักจะใช้แต้มต่อก่อนปิดการขายเหล่านี้ขูดเลือดขูดเนื้อองค์กรต่างๆ จนเต็มที่ และสุดท้ายก็ไม่ใช้บริการ ทิ้งไว้แต่ความช้ำให้กับผู้ประกอบการมากมาย
3. ลูกค้าที่งบไม่ถึง
ลูกค้าที่งบไม่ถึงจะแตกต่างจากลูกค้าที่ชอบต่อราคา ตรงที่คนงบไม่ถึงนั้นจะอยากได้งานคุณภาพดีมากๆ ระดับเพอร์เฟกต์ แต่งบทางการเงินกลับไม่เป็นไปตามต้องการ เขาจะอยากได้งานชิ้นเอก ในขณะที่งบที่มีนั้นสามารถทำได้แค่งานมาตรฐานทั่วไป ตรงนี้เองที่นอกจากจะทำให้คุณลำบากใจแล้ว ยังอาจทำให้เกิดการเสียเวลาทั้งสองฝ่ายด้วย เพราะสุดท้ายถ้าคุณไม่สามารถดำเนินการตามที่เขาต้องการได้จริง ก็จะยิ่งทำให้ความสัมพันธ์แย่ลงไปเปล่าๆ ดังนั้นทางที่ดีควรพูดคุยกันตรงๆ และยื่นคำขาดว่าคุณมอบอะไรให้เขาได้มากแค่ไหนตามงบที่เขากำหนดให้ และห้ามอ่อนข้อเด็ดขาดหากคุณทำไม่ได้ตามที่เขาคาดหวังตั้งแต่แรก
4. ลูกค้าที่เอาแต่เปรียบเทียบคุณกับคู่แข่ง
ลูกค้าบางคนจะเข้ามาทำทีเหมือนจะใช้บริการของคุณตั้งแต่แรก แต่สุดท้ายเขาจะยกตัวอย่างของคู่แข่งขึ้นมาให้คุณเกิดความลังเลว่าเขาเองก็มีตัวเลือกเช่นกัน และในที่สุดก็จะเข้าสู่กระบวนการต่อราคา เทียบคุณกับคู่แข่งเพื่อให้ได้ส่วนลดมากกว่า หรือได้สินค้าและบริการที่มากขึ้น ซึ่งตรงนี้หากคุณสามารถตอบสนองความต้องการของเขาได้ก็เป็นเรื่องที่ดี แต่เมื่อไหร่ที่คำขอของลูกค้ามันดูมากเกินไป และเปรียบเทียบกับคู่แข่งตลอดเวลาทุกการค้าขาย จนรับรู้ได้ถึงความไม่สมเหตุสมผลต่างๆ เมื่อนั้นคุณควรปล่อยลูกค้าคนนี้ให้ไปใช้บริการคู่แข่งของคุณแทน การรักษาลูกค้าไว้เป็นเรื่องที่ดี แต่ไม่จำเป็นต้องรักษาเอาไว้จนคุณเองก็ลำบากใจ สุดท้ายแล้วเขาอาจจะไม่คู่ควรกับคุณตั้งแต่แรกก็ได้
