“วีรศักดิ์”นำกรมเจรจาฯ ฟื้นอีสานใต้ ช่วยเกษตรกร-SMEs ลดผลกระทบโควิด-19


 

 

นายวีรศักดิ์ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า กระทรวงพาณิชย์ได้เตรียมนำ กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ ลงพื้นที่อีสานใต้ จังหวัดบุรีรัมย์ ในวันที่ 15-17 กรกฎาคม 2563 นี้ โดยจะนำคณะลงพื้นที่พบปะเกษตรกร วิสาหกิจชุมชน และผู้ประกอบการรายย่อยที่จังหวัดบุรีรัมย์ พร้อมเป็นประธานเปิดงานสัมมนาโครงการ “การเพิ่มศักยภาพเกษตรกรในยุคการค้าเสรี” ครั้งที่ 2 โดยจะนำผู้เชี่ยวชาญของแต่ละหน่วยงาน ไปช่วยเหลือและให้คำแนะนำแก่เกษตรกร วิสาหกิจชุมชน สหกรณ์ และผู้ประกอบการขนาดกลางและเล็ก (SMEs) เพื่อเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจเรื่องตลาดการค้าเสรี เพื่อผลิตสินค้าให้ตรงกับความต้องการตลาด ชี้ช่องการทำตลาดออนไลน์และออฟไลน์ และการเพิ่มโอกาสในการขยายตลาดต่างประเทศด้วยการใช้ประโยชน์จากความตกลงการค้าเสรี (FTA)

สำหรับการลงพื้นที่ดังกล่าว เป็นความตั้งใจของกระทรวงพาณิชย์ที่มองว่าหลังสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลาย จะเร่งนำผู้เชี่ยวชาญไปแนะนำ ไปให้ความรู้ในการทำการค้า เพื่อสร้างโอกาสในการขยายตลาด โดยกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ จะไปให้ความรู้เกี่ยวกับการใช้ประโยชน์จาก FTA กรมพัฒนาธุรกิจการค้าไปสอน ไปแนะนำเรื่องการทำตลาดออนไลน์ การพัฒนาร้านค้าปลีกค้าส่ง และกรมทรัพย์สินทางปัญญา จะเน้นในเรื่องการผลักดันให้มีการขึ้นทะเบียนสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (GI) รายการใหม่ๆ เป็นต้น

“ปัจจุบัน สินค้าเกษตร สินค้าชุมชนของไทยหลายชนิดมีความน่าสนใจ และมีศักยภาพเพียงพอที่จะพัฒนาให้กลายเป็นสินค้าที่ขายได้ทั้งในประเทศและส่งออก แต่อาจขาดองค์ความรู้ต่างๆ ที่จะทำให้ประสบความสำเร็จได้ จึงเชื่อมั่นว่าการดำเนินการในครั้งนี้ จะช่วยเพิ่มโอกาสในการทำการค้า ยกระดับความสามารถในการแข่งขันของเกษตรกร สหกรณ์ วิสาหกิจชุมชน และผู้ประกอบการ SME ในอีสานใต้ ตลอดจนสร้างความเข้มแข็งให้กับเศรษฐกิจฐานรากของไทยในระยะยาว” นายวีรศักดิ์กล่าว

 

ด้าน นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กล่าวเสริมว่า การลงพื้นที่ครั้งนี้สอดรับกับนโยบายของ รมช.พาณิชย์ ที่ต้องการใช้ประโยชน์จากเอฟทีเอในการผลักดันสินค้าเกษตร และเกษตรแปรรูปจากทุกภูมิภาคให้สามารถขยายตลาดไปยังต่างประเทศได้ เพื่อให้เกษตรกร วิสาหกิจชุมชน และผู้ประกอบการรายย่อยของไทยมีรายได้ที่มั่นคงและยั่งยืน เพราะอีสานใต้เป็นแหล่งผลิตสินค้าเกษตรที่สำคัญของไทย และการใช้ประโยชน์จากเอฟทีเอจะช่วยให้เกษตรกรขยายการส่งออกไปตลาดต่างประเทศได้มากขึ้นด้วย”

 

นอกจากนี้ในการสัมมนาครั้งนี้ จะมีการเสวนาเชิงปฏิบัติการเรื่อง “ชี้ช่องรวยรุกตลาดส่งออกสินค้าเกษตรด้วยเอฟทีเอ” และ “ทำอย่างไรให้ส่งออกสินค้าเกษตรในตลาดการค้าเสรี” ให้กับเกษตรกร และวิสาหกิจชุมชนในพื้นที่อีสานใต้ โดยจะมีผู้เชี่ยวชาญด้านการค้าและการตลาดมาวิเคราะห์สินค้า และแนะนำตลาดส่งออกที่เหมาะสมให้ด้วย

ขณะเดียวกันก็จะใช้โอกาสนี้ลงพื้นที่เยี่ยมชมห้างค้าปลีกทวีกิจ และศูนย์เรียนรู้การทอผ้าฝ้ายอัคนี จ.บุรีรัมย์ เพื่อแนะนำช่องทางการจำหน่ายสินค้าชุมชนสู่ตลาดการค้าเสรีที่ และแนวทางการพัฒนาสินค้าให้มีคุณภาพได้มาตรฐานสากล