ทำไมธุรกิจยุคนี้ต้องทรานส์ฟอร์มถึงจะอยู่รอด
การทำธุรกิจสมัยนี้ เราไม่อาจทำแบบเดิม ขายแบบเดิม บริหารแบบเดิมได้อีกต่อไป เพราะความก้าวหน้าของเทคโนโลยีที่มีความทันสมัยมากขึ้นจึงเข้ามาเปลี่ยนแปลง ทำให้ธุรกิจที่ทำอยู่ดียิ่งขึ้น
ไม่ว่าคุณจะเริ่มต้นทำอะไรก็แล้วแต่ ทั้งสิ่งเล็ก สิ่งใหญ่ ล้วนแล้วแต่ถูกกำหนดมาจากจุดเริ่มต้นเดียวกัน นั่นคือ “ความคิด” เพราะความคิดของคนเราจะเป็นตัวชี้เป้าให้เรารู้ได้ว่าเราต้องทำอะไร สิ่งนั้นจะประสบความสำเร็จหรือไม่ การวางความคิดของตัวเองผิด ก็จะทำให้จุดหมายที่ฝันไว้ไม่มีวันไปถึง คนที่ประสบความสำเร็จส่วนใหญ่มักจะรู้เท่าทันความคิดของตัวเอง รู้ว่าจะต้องดูแล หรือจัดการมันยังไง เพื่อให้สามารถพัฒนาความคิดไปได้ไกล และสำเร็จลุล่วงทุกเป้าหมายที่วางไว้ได้
ซึ่งคุณเองในฐานะคนธรรมดาที่อยากเปลี่ยนแปลง หรืออยากสร้างความสำเร็จให้เกิดกับตัว ก็สามารถเริ่มต้นง่ายๆ ด้วยกฎเหล็กจัดการความคิด 5 ข้อนี้ ซึ่งจะช่วยฝึกให้คุณมีกระบวนการคิดที่ก้าวไกล และสามารถนำไปปรับใช้ในชีวิตประจำวันได้ดีขึ้น
1. สงสัยให้มาก อย่าเชื่ออะไรง่ายๆ
หลายคนมักจะเชื่อตามสิ่งที่คนอื่นบอกอย่างปักใจ โดยไม่เคยสงสัยในอะไรเลยก็ตาม ซึ่งนั่นเป็นเรื่องที่ผิดสำหรับคนที่มีแนวคิดอยากประสบความสำเร็จ เพราะการฝึกตัวเองให้เป็นคนขี้สงสัย จะช่วยให้คุณมองเห็นภาพกว้างรอบด้านอยู่เสมอ และช่วยให้คุณเกิดกระบวนการเรียนรู้มากกว่าทุกคน บางครั้งคนอื่นมองสิ่งหนึ่งแล้วปล่อยผ่าน แต่คุณที่สงสัยก็จะพยายามหาคำตอบ หรือสอบถามถึงที่มาที่ไป นั่นทำให้คุณมีประสบการณ์ที่มากกว่าใครในหลายๆ เรื่อง ซึ่งประสบการณ์ตรงนี้เองที่จะช่วยให้การขับเคลื่อนชีวิตของคุณในทุกด้านประสบความสำเร็จและจัดการได้ดีกว่าทุกคนเช่นกัน
2. จดทุกไอเดียที่คิดได้
ความคิดของคนเราจะมีเรื่องประหลาดเกิดขึ้นอยู่เสมอ มันมักจะนึกไอเดียดีๆ ออก และดูเหมือนจะจดจำสิ่งนั้นได้ตลอดไป แต่เพียงไม่นานไอเดียนั้นก็ถูกลืมลง และไม่มีทางฉุกคิดขึ้นมาได้อีกเลย บ่อยครั้งที่ไอเดียดีๆ มักจะเกิดขึ้นระหว่างวันที่คุณกำลังดำเนินชีวิตไปอย่างราบเรียบ เช่น ตอนอาบน้ำ ตอนกินข้าว หรือตอนเดินไปทำงาน ซึ่งไอเดียดีๆ เหล่านี้ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไรก็ตาม มันช่วยให้ชีวิตคุณดีขึ้น พัฒนาขึ้นได้แน่นอน เพราะฉะนั้นการพกสมุดเอาไว้จดข้อความไอเดียเหล่านั้น หรือหมั่นเข้าแอปจดในทุกสิ่งที่คุณคิดได้บ่อยๆ ให้เป็นนิสัยก็จะช่วยให้คุณมีโอกาสมองเห็นหนทางพัฒนาชีวิตได้มากกว่าใคร และนั่นคือส่วนหนึ่งของการนำพาตัวคุณสู่ความสำเร็จ
3. ทบทวนความคิดตัวเองทุกวัน
หาเวลาว่างสักวันละ 10 นาทีเพื่อมาทบทวนในสิ่งที่คุณเจอในระหว่างวันแต่ละวัน เพื่อให้คุณได้ระลึกว่าสิ่งใดที่คุณทำพลาดไป หรือสิ่งใดที่คุณสามารถทำมันให้ดีขึ้นได้กว่าเดิม ความคิดที่จะพัฒนาตัวเอง และมองหาจุดเด่น จุดด้อยของตัวเองอยู่เป็นประจำ ทำตัวเองในวันพรุ่งนี้ให้ดีกว่าวันนี้ และทำวันนี้ให้ดีกว่าเมื่อวาน จะเป็นสิ่งที่ช่วยให้คุณพัฒนา และก้าวผ่านความผิดพลาดทั้งหลายไปได้ ซึ่งคนประสบความสำเร็จส่วนใหญ่จะทำ และเขาจะไม่ก้าวผิดซ้ำสองให้เสียเวลาชีวิตตัวเองแน่นอน ซึ่งการคิดเหล่านี้ไม่จำเป็นต้องเป็นก่อนเข้านอนเสมอไป แต่สามารถคิดระหว่างรถติด คิดระหว่างอาบน้ำ คิดระหว่างรอรถ หรือคิดช่วงที่ทำอย่างอื่นไปด้วย เพื่อเป็นการฆ่าเวลาก็ได้เช่นกัน
4. ทุกคนมีความสามารถไม่ต่างกัน
ความมั่นใจเป็นส่วนหนึ่งที่จะทำให้ชีวิตคุณประสบความสำเร็จในทุกๆ ด้าน ซึ่งการจะเรียกความมั่นใจตรงนี้ได้ ก็ต้องอาศัยความคิดของคุณเข้าเป็นส่วนผลักดันด้วยเช่นกัน โดยการคิดว่าทุกคนนั้นมีความสามารถไม่ต่างกัน คนนั้นทำอะไรได้ คุณเองก็ทำได้เช่นกัน การคิดว่าตัวเองไม่ด้อยกว่าใคร และตัวเองก็สามารถทำทุกสิ่งให้ออกมาดีได้เหมือนคนที่ประสบความสำเร็จคนอื่นๆ จะทำให้คุณเกิดความเชื่อมั่นในจิตใจ และกล้าที่จะทดลองทำสิ่งใหม่ๆ ที่ยาก และท้าทาย ซึ่งไม่มีใครกล้าทำ และความมั่นใจจะไม่ฉุดให้คุณจมปลักอยู่กับที่ แต่จะผลักให้คุณเดินไปข้างหน้าได้ไวกว่าทุกคนแน่นอน
5. มองทุกอย่างในแง่ที่ดีขึ้น
เมื่อคุณมีสุขภาพจิตใจดี สุขภาพร่างกายของคุณก็จะดีตาม และนั่นเป็นการผลักดันให้คุณเป็นคนที่น่าเข้าใกล้ ไม่ว่าใครต่างก็อยากอยู่รอบ ซึ่งเป็นหนทางสู่คอนเนคชั่นชั้นเยี่ยมที่จะช่วยให้ธุรกิจประสบความสำเร็จ และทั้งหมดนี้ล้วนเกิดจากความคิดของคุณแค่เพียงสิ่งเดียวเท่านั้นเอง ความคิดที่จะมองโลกใบนี้ให้ดีขึ้น เพราะ Mindset ของคนเราจะเป็นตัวกำหนดสิ่งต่างๆ ทั้งที่เข้ามาและกำลังจะเกิดขึ้นในอนาคต ความคิดทัศนคติที่แย่ก็จะส่งผลให้มองโลกในแง่ร้าย ไม่กล้าเริ่มต้นอะไร ไม่อยากยุ่งกับใคร และไม่อยากทำสิ่งใดทั้งสิ้น กลับกันทัศนคติที่ดี การฝึกสมองให้คิดในแง่บวก จะช่วยให้คุณอยากทำทุกอย่าง กล้าที่จะเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ และสนุกกับทุกเรื่องในชีวิต ก้าวผ่านปัญหาอย่างไม่จมปลัก ซึ่งนั่นคือหนทางสู่ความสำเร็จที่คนส่วนใหญ่ใช้กัน
