วิกฤตเป็นสิ่งที่สามารถเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา ไม่ว่าคุณจะระมัดระวัง หรือเพลย์เซฟกับสิ่งที่ทำมากน้อยแค่ไหน แต่สุดท้ายวิกฤตนั้นอาจเป็นสิ่งที่ร้ายแรงระดับประเทศ อย่างโควิด-19 ที่เพิ่งผ่านพ้นไป แบบนั้นคุณไม่สามารถควบคุมทุกอย่างได้แน่นอน ดังนั้นใครที่กังวลกลัวว่าวิกฤตจะเกิดขึ้นและทำให้ธุรกิจอยู่ในความเสี่ยงล่ะก็ ขอให้เตรียมพร้อมตัวเองไว้ และทำ 5 สิ่งนี้ให้ขึ้นใจ เมื่อวิกฤติมาคุณจะรับมือกับมันได้อย่างมีประสิทธิภาพ และลดโอกาสที่องค์กรจะถูกปิดตัวไปได้อย่างมากแน่นอน
1. อัปเดตสถานการณ์ให้พนักงานทราบ
สิ่งที่ต้องทำอย่างแรกคือการพูดคุยกับพนักงานให้เข้าใจว่า วิกฤตที่เรากำลังเจอคืออะไร เรามีวิธีการรับมือกับมันยังไงบ้าง ความร้ายแรง และความเสียหาย หรือผลกระทบต่อบริษัทมากน้อยขนาดไหน ซึ่งจุดนี้หัวหน้าหลายคนมักละเลย และคิดไปเองว่าลูกน้องจะต้องรู้สถานการณ์ทั้งหมด ทำให้เกิดความแคลงใจขึ้น เช่น อยู่ๆ คุณไปตัดสินใจลดเงินเดือนลูกน้อง เขาก็จะรู้สึกถึงความไม่ยุติธรรม และทำให้อยากลาออกจากคุณได้ ทั้งที่ถ้าคุณชี้แจงแต่ต้นก็คงไม่เกิดปัญหาดังกล่าว นี่จึงเป็นเหตุว่าทำไมต้องบอกเล่าทุกอย่างให้ทุกคนฟังและเข้าใจ เพื่อจะได้ไม่เกิดความเข้าใจผิดเหล่านี้นั่นเอง
2. มีแผนการสำรองอยู่เสมอ
เมื่อเกิดวิกฤต สิ่งสำคัญคือแผนสำรองที่จะช่วยให้คุณเอาชนะ หรือแก้ปัญหาที่อาจเกิดขึ้นได้ เพราะหลายคนรู้สึกว่าธุรกิจตัวเองอาจไม่ได้รับผลกระทบ หรือมองว่ามันคงไม่ร้ายแรง จุดนี้เองที่ทำให้คุณหละหลวมกับการป้องกัน และเมื่อมันถึงเวลาจวนตัวจริงๆ ธุรกิจคุณจะปรับตัวไม่ทัน จนทำให้อาจถูกกลืนหายไปได้เลย เพราะฉะนั้นวางแผนล่วงหน้าระยะยาวเอาไว้จะช่วยให้ธุรกิจปลอดภัยขึ้นมาได้ ดูว่าสถานการณ์นี้จะรับมือยังไง และเผื่อว่าสถานการณ์แย่ลงจะทำยังไงได้ เมื่อถึงเวลานั้นจริงๆ คุณจะดำเนินการได้ทันทีแบบไม่ต้องชะงัก และทำธุรกิจต่อไปได้ไหลลื่น หมดปัญหาเงินขาดมือ
3. เงินสดห้ามขาดมือ
สภาพคล่องทางการเงินเป็นอีกหนึ่งเครื่องมือชี้วัดสำคัญว่าใครจะอยู่ ใครจะไปในสถานการณ์วิกฤต เพราะยิ่งสายป่านยาว ยิ่งทำให้เราสามารถผลิตสินค้า บริการ และจ่ายเงินพนักงานต่อเนื่องได้ ให้เขาทำงานได้ตลอดรอดฝั่งจนพ้นวิกฤตไป แต่ที่หลายๆ คนต้องประสบคือ ปัญหาเงินสดขาดมือ เพราะมีสภาพคล่องทางการเงินไม่เพียงพอที่จะเอาตัวรอดจากสถานการณ์นี้ได้ กลายเป็นว่าเงินสดขาดมือ จ้างคนอื่นไม่ได้ และสุดท้ายกิจการก็ไปไม่รอด ซึ่งนี่เป็นปัญหาใหญ่ที่แม้แต่ธุรกิจระดับโลกยังต้องประสบ
4. มองปัญหาให้ขาด
วิกฤตนี้ ปัญหานี้มันเกิดจากอะไร ระยะเวลาของวิกฤตจะอยู่นานแค่ไหน ภาพใหญ่ ภาพรวมของปัญหาเป็นสิ่งสำคัญ เพราะคุณจะเตรียมตัวได้ถูกต้องว่าจะต้องเผชิญกับมันอีกนานเท่าไหร่ ซึ่งมันจะสอดคล้องกับข้อที่ 2 ที่คุณต้องหาแผนการรับมือกับมัน เมื่อคุณมีวิธีแก้ไขปัญหาที่หลากหลายแล้ว การมองปัญหาให้ขาดก็จะช่วยให้เข้าถึงส่วนการแก้ไขได้ง่ายขึ้น ว่าอนาคตจะต้องจมอยู่กับวิกฤตนานเท่าไหร่ รับมือยังไง และแก้ไขสถานการณ์ได้อย่างทันท่วงที ปรับตัวให้เข้ากับสิ่งแวดล้อมได้ก่อนที่จะถูกวิกฤตกลืนกิน
5. เข็นจุดแข็งให้ออกสู้กับวิกฤต
จุดแข็งจะทำให้ธุรกิจคุณยังคงขายได้อยู่ตลอดไป แม้จะเกิดวิกฤตมากมายแค่ไหนก็ตาม การที่คุณชูโรงจุดแข็งนี้อยู่จะยิ่งกระตุ้นให้คนมั่นใจว่าบริการของคุณนั้นดีจริง และควรค่ากับการใช้บริการในช่วงวิกฤตนี้ที่สุด เพราะหากคุณโฆษณาประชาสัมพันธ์แบบเดิมๆ วิกฤตต่างๆ ก็จะกีดกันให้คนมองข้าม เพราะอยากที่จะประหยัดเงิน หรือด้วยเหตุผลใดๆ แล้วแต่สถานการณ์นั้นจะพาไป ดังนั้นทางที่ดียิ่งมีจุดเด่นมากเท่าไหร่ ชูโรงมันมากแค่ไหน ยิ่งช่วยให้ธุรกิจประสบความสำเร็จได้เท่านั้นในช่วงที่เกิดวิกฤตขึ้นกับประเทศแบบนี้