สสว. ต่อยอด SME Knowledge Center ดัน SMEs เข้าถึงองค์ความรู้ 2 แสนราย พัฒนาองค์ความรู้ ไม่น้อยกว่า 4,000 ราย


ในงานแถลงข่าว สสว. เดินหน้าต่อยอดงานพัฒนาองค์ความรู้หรือ SME Knowledge Center ด้วยการพัฒนาองค์ความรู้ผ่านหลักสูตรออนไลน์และสร้างเครื่องมือให้ผู้ประกอบการได้เรียนรู้ผ่านสื่อมัลติมีเดียเพื่อให้เกิดผลลัพธ์ 3 ด้าน ประกอบด้วย ผู้ประกอบการสามารถเข้าถึงข้อมูลความรู้ได้ง่ายขึ้น ใช้สื่อที่เข้าใจง่ายขึ้น และเพื่อการแข่งขันในยุคดิจิทัล ตั้งเป้ามี SMEs เข้ารับการพัฒนาองค์ความรู้มิติต่างๆ เช่น การได้รับคำปรึกษา การอบรมสัมมนา และการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ไม่น้อยกว่า 4 พันรายและเข้าถึงเว็บไซต์ www.smeknowledgecenter.com หรือคลังข้อมูลความรู้ที่ สสว. จัดทำขึ้นไม่น้อยกว่า 2 แสนรายต่อปี

โดย นายวีระพงศ์ มาลัย ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม หรือ สสว. กล่าวว่าได้จัดบนแพลตฟอร์ม www.smeknowledgecenter.com เพื่อให้ใช้งานง่าย และสร้างสรรค์เนื้อหาใหม่ ๆ ที่น่าสนใจอยู่เสมอ โดยได้จัดทำคลังข้อมูล 8 โมดูลด้วยกัน ได้แก่ ด้านดิจิทัล ด้านการบริการ ด้านต้นทุนและการขนส่งสินค้า ด้านสิทธิประโยชน์ทางภาษี ด้านองค์ความรู้เฉพาะเรื่อง (Tailor Made) ด้านการตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศ ด้านบัญชีและการเงิน และด้านมาตรฐานของผลิตภัณฑ์ เพื่อผู้ประกอบการ 4 กลุ่มด้วยกัน ได้แก่ Micro Enterprises หรือกลุ่มตัวแทนวิสาหกิจรายย่อย กลุ่ม Early Stage หรือกลุ่มเริ่มต้นธุรกิจ กลุ่ม Small Enterprises เป็นผู้ประกอบการขนาดย่อม เช่น กลุ่มที่สานต่อธุรกิจของครอบครัวด้วยเทคโนโลยีใหม่ๆ และ กลุ่ม Medium Enterprises เป็นผู้ประกอบการขนาดกลางหรือกลุ่มที่สามารถขยายธุรกิจไปสู่ตลาดทั้งในและต่างประเทศหรือเข้าถึงสื่อออนไลน์ได้อย่างเต็มตัว

“ในปีที่ผ่านมา (2562) SME Knowledge Center มีผู้ประกอบการเข้าร่วมกิจกรรมแลกเปลี่ยนเรียนรู้หรือเข้ารับคำปรึกษาธุรกิจในด้านต่าง ๆ มากกว่า 4,500 ราย จากเป้าหมาย 4,000 ราย และมีผู้เข้าใช้งานเว็บไซต์ www.smeknowledgecenter.com มากถึง 250,000 ครั้ง/ปี ซึ่งเกินเป้าที่วางไว้ 200,000 ราย สำหรับในปีนี้คาดว่าจะมีจำนวนเพิ่มขึ้นอีก โดยยังคงยึด 8 โมดูลเหมือนเดิม 1. ด้านดิจิทัล 2. การบริการ 3. ต้นทุน การขนส่งสินค้า 4. สิทธิประโยชน์ทางภาษี 5. องค์ความรู้เฉพาะเรื่อง 6. การตลาด/การตลาดต่างประเทศ 7. บัญชีการเงิน และ 8. มาตรฐานของผลิตภัณฑ์ แต่เพิ่มเรื่องการทำข้อมูลเฉพาะเจาะจงมากขึ้น ตั้งเป้าหมาย 3 ด้านคือ ให้ผู้ประกอบการได้เข้าถึงข้อมูลความรู้ง่ายขึ้น เข้าใจง่ายขึ้นและเรียนรู้ได้เร็วขึ้น จึงเน้นที่หลักสูตรออนไลน์และการผลิตสื่อมัลติมีเดีย เช่น อินโฟกราฟฟิกและคลิปวิดีโอต่าง ๆ มากขึ้น เพื่อให้ผู้ประกอบการมีความรู้เป็นอาวุธในการเข้าสู่สนามธุรกิจที่มีการแข่งขันสูงและเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา”

ในการพัฒนาองค์ความรู้นั้นมีหลายแนวทาง เช่น มีการพัฒนาเนื้อหาให้เหมาะสมกับกลุ่มวิสาหกิจ มีการจัดสัมมนาทั้งออนไลน์หรือออฟไลน์ ในส่วนของออฟไลน์นั้น รวมถึงมีการลงพื้นที่เพื่อพัฒนาผู้ประกอบการระดับวิสาหกิจรายย่อยด้วยวิธีให้คำปรึกษาเฉพาะกลุ่ม ควบคู่ไปกับการลงพื้นที่ดำเนินการอบรมความรู้แก่ผู้ประกอบทั่วประเทศ แบ่งเป็น 5 ภูมิภาค อาทิ ภาคเหนือ อาทิ เชียงใหม่ เชียงราย ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ได้แก่ อุดรธานี ศรีสะเกษ ภาคตะวันออก ได้แก่ ชลบุรี ระยอง ภาคตะวันตก ได้แก่ กาญจนบุรี ราชบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ภาคใต้ ได้แก่ สงขลา นราธิวาส และภาคกลาง ได้แก่ กรุงเทพมหานคร อยุธยา ในส่วนของออนไลน์นั้น ผู้ประกอบการสามารถเข้าใช้บริการและหาความรู้เพิ่มเติมได้ที่ www.smeknowledgecenter.com

นอกจากนี้ สสว. ยังเตรียมปรับรูปแบบองค์ความรู้ของ SME Knowledge Center ไปเป็น SME Academy 365 เพื่อให้ผู้ประกอบการได้เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ตลอด 365 วัน สอดคล้องกับธีม “SMEs : Faster Speed to SME Academy 365” ผลักดัน SMEs ไทยก้าวสู่ความสำเร็จอย่างรวดเร็ว ทันต่อการเปลี่ยนแปลงของโลกดิจิทัล ร่วมขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศไทยไปด้วยกัน

สำหรับโครงการ “ชี้ช่องรวย มอบอาชีพ สร้างชีวิตสู้โควิด19 ” แจกอาชีพ ฟรี! เพื่อสร้างผู้ประกอบการใหม่ จำนวน 100 ราย ที่ทาง สสว.ได้รับมือกับ เอสเอ็มอี ชี้ช่องรวย และเหล่าพันธมิตรแฟรนไชส์ 14 ราย ได้จับมือร่วมกันเพื่อมอบโอกาสให้ผู้ที่ได้รับผลกระทบการสถานการณ์โควิด-19

ด้าน คุณวิมลณ์เกศ สุวพัฒน์ธุนากร ผู้อำนวยการ เอส เอ็ม อี โซลูชั่น บริษัท พีเอ็มจี คอร์เปอร์เรชั่น จำกัด ผู้ริเริ่มโครงการ กล่าวถึงที่มาของจัดโครงการ ชี้ช่องรวย มอบอาชีพ สร้างชีวิตสู้โควิด19 นี้ว่า โครงการดังกล่าวเกิดจากความร่วมมือระหว่าง สสว. SME ชี้ช่องรวย ในฐานสื่อที่จะเป็นตัวกลางเชื่อมความร่วมมือระหว่างผู้ประกอบการธุรกิจแฟรนไชส์ 14 ราย ที่จะแจกธุรกิจเพื่อให้เป็นการเริ่มต้นชีวิตใหม่ ภายหลังจากได้รับผลกระทบทำให้หลายคนต้องตกงาน หรือแม้แต่ผู้ประกอบการเองก็ประสบกับภาวะสภาพคล่องจากการต้องปิดกิจการลงชั่วคราวทำให้ขาดรายได้และเงินทุนหมุนเวียน ที่จะมาต่อยอดให้ธุรกิจเดินหน้าต่อ

โครงการดังกล่าวจึงถือเป็นการมอบโอกาสให้กับผู้ที่มีความตั้งใจที่จะพลิกชีวิต พลิกวิกฤตให้เป็นโอกาส โดยโครงการนี้ไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น และนอกจากจากเหตุการณ์โรคระบาดโควิด-19 ทำให้ธุรกิจต้องหยุดชะงัก ส่งผลกระทบกับผู้ประกอบการทั้งรายย่อยและรายใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นอย่างธุรกิจโรงแรม รีสอร์ท การท่องเที่ยวเรียกว่าประสบปัญหาทั้งหมด บางธุรกิจต้องปิดตัวลง ลูกจ้างต่างๆต้องกลายเป็นคนตกงาน จนตัวเลขของการว่างงานพุ่งสูงถึง 9 ล้านคน

“เราจึงมองว่า ในฐานะที่ SME ชี้ช่องรวย เป็นคนกลางที่ที่ยืนหยัดช่วยเหลือ SME ไทยมาตลอด19 ปี ในการแนะนำแนวทางการสร้างงาน สร้างอาชีพ มาอย่างยาวนาน วันนี้เรามองทุกคนต้องกลับมา Set Zero ทั้งหมด set ตั้งแต่ตัวเจ้าของธุรกิจ จนถึงแนวทางการบริหารทั้งหมด ตัวเราเองก็อยากเข้ามามีส่วนช่วยเหลือ ช่วยสร้างโอกาส สร้างงาน ช่วยให้กลุ่มคนที่ประสบกับปัญหาไม่ว่าจะตกงาน หรือ ธุรกิจขาดสภาพคล่องได้มีโอกาสกลับมาลุกขึ้นยืนได้ใหม่อีกครั้ง”

ทั้งนี้ ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม หรือ สสว. ยังได้กล่าวเสริมถึงความร่วมมือในโครงการนี้ว่า หลังจากที่ได้จำนวนผู้ประกอบการรายใหม่ครบ 100 รายแล้ว ทาง สสว.จะเข้าไปช่วยในการพัฒนาองค์ความรู้นั้นมีหลายแนวทางให้ผู้ประกอบการมีความรู้ครบในทุกมิติ ซึ่งผู้ประกอบการหลายท่านอาจยังไม่ทราบว่า ตนเองถนัดหรือขาดในเรื่องอะไร สสว. จึงได้ดำเนินงานพัฒนาองค์ความรู้สำหรับ SMEs (SME Knowledge Center) อย่างต่อเนื่อง ซึ่งวัตถุประสงค์ของ SME Knowledge Center คือ 1.จัดทำและพัฒนาองค์ความรู้และข้อมูลสำหรับเอสเอ็มอีเพื่อประโยชน์ในการทำธุรกิจ 2.จัดตั้งส่วนบริการ (Physical Site) ที่มีการให้คำปรึกษา โดยเน้นให้ความรู้เป็นกลุ่มย่อย เช่น จัดทำกรณีศึกษา จัดเวิร์กชอปหรือสัมมนาต่าง ๆ 3.ประเมินความเป็นไปได้ในการทำธุรกิจบนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียต่าง ๆ เช่น เฟซบุ๊ค ไลน์ ยูทูบ และ 4. ดูแลระบบโครงสร้างให้เหมาะสม ทั้งผู้สอนและผู้ประกอบการ และมีการติดตามผลอย่างใกล้ชิด นอกจากนี้ ทาง สสว.ยังมีความพร้อมในเรื่องเงินทุนที่จะช่วยให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีนำไปต่อยอดเพื่อดำเนินธุรกิจให้สำเร็จลุล่วงได้อีกด้วย

ทางด้านความคืบหน้าของโครงการ “ชี้ช่องรวย มอบอาชีพ สร้างชีวิตสู้โควิด19 ” ภายหลังจากเปิดให้ผู้สนใจได้เข้ามาลงทะเบียนจองสิทธิ์เมื่อวันที่ 12 มิถุนายน 2563 ที่ผ่านมา ปรากฎว่ามีผู้เข้ามาลงทะเบียนแล้วกว่า 2,000 ราย ถือว่าโครงการดังกล่าวประสบความสำเร็จอย่างมาก

ทั้งนี้ ผู้สนใจยังคงสามารถลงทะเบียนได้จนถึงวันที่ 10 กรกฎาคม 2563 และจะประกาศรายชื่อผู้โชคดีที่ได้รับแฟรนไชส์ธุรกิจฟรี ในวันที่ 25 กรกฎาคม 2563 พร้อมจะมีพิธีรับมอบอาชีพอย่างเป็นทางการในเดือนสิงหาคม 2563 ที่จะถึงนี้