รมว.แรงงาน ยันเศรษฐกิจไทยไม่ได้ตกต่ำจนโรงงานแห่เลิกจ้าง เผย บ.มิตซูบิชิฯ ชลบุรี เปิดโครงการเออร์ลี่รีไทร์ ให้ค่าตอบแทนสูงถึง 16-37 เดือน ทำลูกจ้างตบเท้าเข้าโครงการ ชี้คนอยากได้เงินก้อน หรือมีแผนทำธุรกิจส่วนตัว รวมทั้งอาจจะกลับไปทำเกษตรที่บ้าน

นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน กล่าวถึงกรณีที่มีข่าวพนักงานบริษัท มิตซูบิชิ เอลเลเวเตอร์ เอเชีย จำกัด จ.ชลบุรี กอดคอกันอำลา หลังกระทรวงแรงงานเข้าไปตรวจสอบข้อเท็จจริง ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่า ไม่ได้เป็นการเลิกจ้างปิดกิจการ แต่เป็นโครงการให้ลูกจ้างสมัครใจลาออก โดยมีผลตอบแทนเป็นเงินชดเชยที่สูงกว่ากฎหมายกำหนด คือ 16-37 เดือน ทำให้ลูกจ้างสนใจสมัครเข้าโครงการจำนวนมากถึง 970 คนเกินยอดที่ตั้งเป้าไว้แค่ 686 คน ซึ่งส่วนใหญ่ต้องการนำเงินก้อนไปเปลี่ยนแผนชีวิต หรือไปประกอบอาชีพด้านอื่นแทน จึงไม่อยากให้คนที่ได้รับทราบข่าวสารที่ไม่ถูกต้อง และคนไม่ทราบข้อมูลที่เป็นจริงจะตกใจว่าเศรษฐกิจไทยตกต่ำจนมีการเลิกจ้างงานจำนวนมาก ซึ่งข้อเท็จจริงไม่ได้เป็นอย่างนั้น

นายสุชาติ กล่าวว่า รายละเอียดที่บริษัทมิตซูบิชิ เอลเลเวเตอร์ เอเชีย จำกัด ต้องเปิดโครงการให้ลูกจ้างสมัครใจลาออก มีดังนั้น บริษัทฯมีลูกจ้างจำนวน 2,400 คน มีการปรับลดจำนวนลูกจ้างเนื่องจากมีคำสั่งซื้อลดลงจากผลกระทบการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 โดยมีประกาศโครงการให้ลูกจ้างสมัครใจลาออก มีการจ่ายเงินช่วยเหลือพิเศษเท่ากับค่าชดเชยตามกฎหมายและยังมีเงินเพิ่มพิเศษมากกว่ากฎหมายกำหนด โดยต่ำสุดที่ได้รับคนละ 16 เดือน สูงสุดได้รับคนละ 37 เดือน มีผลตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.2563

จุดนี้จึงทำให้มีลูกจ้างสนใจสมัครเข้าร่วมโครงการจำนวน 970 คน ซึ่งเกินกว่าเป้าหมายที่บริษัทอนุมัติ ให้สมัครใจลาออกจำนวน 686 คน ซึ่งบริษัทได้จ่ายเงินค่าช่วยเหลือพิเศษและเงินเพิ่มพิเศษให้กับลูกจ้างแล้วจำนวนประมาณ 560 ล้านบาท

ขณะที่ในส่วนของโรงงานพานาโซนิคที่ย้ายฐานผลิตไปเวียดนามนั้น จากการตรวจสอบว่าเป็นการย้ายการผลิตเครื่องซักผ้า และตู้เย็นไปเท่านั้น เพื่อให้เกิดความคุ้มค่าทางธุรกิจ โดยเฉพาะในเรื่องค่าแรงที่เวียดนามถูกกว่าไทย อย่างไรก็ตาม พานาโซนิคยังมีโรงงานอยู่ในประเทศไทยอีก 18 แห่ง และมีแรงงานมากกว่า 10,000 คน ในสายการผลิตเครื่องเสียง โทรทัศน์ แผ่นพิมพ์วงจรไฟฟ้า ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ และแบตเตอรี่ เหล่านี้ที่กล่าวมายังคงดำเนินการผลิตในประเทศไทยอยู่