ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดการณ์ หาก “โจ ไบเดน” ชนะเลือกตั้งสหรัฐฯ เศรษฐกิจไทยขยายตัวเพิ่ม ค่าเงินบาทแข็งขึ้น ด้านการส่งออกคาดจะเพิ่มขึ้น 3 กลุ่มสินค้าไทย คาดเติบโตได้ดี
จากกระแสที่ทั่วโลกกำลังจับ กับกรณีการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ล่าสุด “ศูนย์วิจัยกสิกรไทย” ได้เผยแพร่บทวิเคราะห์ “ทิศทางเศรษฐกิจ…จากผลเลือกตั้งสหรัฐฯ” โดยระบุว่า ผลโพลและการคาดการณ์ต่างๆ มองการเลือกตั้งทั่วไปของสหรัฐฯ ในวันที่ 3 พ.ย. 63 ไปในทิศทางเดียวกันว่า โจ ไบเดน ตัวแทนจากพรรคเดโมแครต จะชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดี อันน่าจะเป็นผลดีต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ ในภาพรวม เนื่องจากการผลักดันนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจขนาดใหญ่และการผ่านร่างกฎหมายงบประมาณ น่าจะทำได้ราบรื่นกว่า ในกรณีที่พรรคเดโมแครตครองเสียงเพียงสภาเดียว
อย่างไรก็ตาม หากผลการเลือกตั้งพลิกโผ ทรัมป์ได้กลับมาเป็นประธานาธิบดีต่ออีกสมัย อันเป็นกรณีที่อยู่นอกเหนือความคาดหมายของตลาด จะทำให้ตลาดเงิน ตลาดทุน ผันผวนอย่างมาก ดัชนีตลาดหุ้นของสหรัฐฯ ปรับตัวลดลง ในขณะที่ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ยังมีแนวโน้มอ่อนค่าลง แม้ว่าความเสี่ยงเศรษฐกิจสหรัฐฯ จะเพิ่มสูงขึ้น
ในกรณีที่โจ ไบเดน ได้รับเลือกเป็นประธานาธิบดี และพรรคเดโมแครตครองเสียงข้างมากทั้งสองสภา ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดว่า เศรษฐกิจสหรัฐฯ ในปี 2564 มีแนวโน้มฟื้นตัวได้ไม่ต่ำกว่า 3.0% ในขณะที่ค่าเงินดอลลาร์ ก็มีแนวโน้มอ่อนค่าลง เมื่อเทียบกับเงินสกุลต่างประเทศอื่นๆ ตามความเสี่ยงเศรษฐกิจโลกที่ลดลง
ในส่วนผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทย หากเศรษฐกิจสหรัฐฯ ขยายตัวเพิ่มขึ้น 1% จะส่งผลให้เศรษฐกิจไทยขยายตัวได้ 0.2% (บนสมมติฐานที่ไม่มีการยกระดับสถานการณ์การเมือง รวมถึงการแพร่ระบาดซ้ำของโควิดอย่างรุนแรงในประเทศ) ผ่านผลกระทบทางตรงจากการส่งออกของไทยไปยังสหรัฐฯ และผลกระทบทางอ้อมผ่านเศรษฐกิจโลก ในภาพรวมที่ฟื้นตัวดีขึ้นเมื่อเทียบกับกรณีทรัมป์ได้เป็นประธานาธิบดี
ในขณะที่ ค่าเงินบาทยังอยู่ในทิศทางแข็งค่า ตามการอ่อนค่าลงของดอลลาร์สหรัฐฯ ไม่ว่าใครจะได้รับเลือกเป็นประธานาธิบดี
แต่ถ้าโจ ไบเดน ได้เป็นประธานาธิบดี จะทำให้ความเสี่ยงของเศรษฐกิจโลกโดยรวมลดลง เงินทุนไหลกลับเข้าไปหาผลตอบแทนสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงมากขึ้น ดอลลาร์จึงมีแนวโน้มอ่อนค่าลงมาก ทำให้ค่าเงินบาทจึงมีทิศทางแข็งค่ามากกว่า นอกจากนี้ ความเสี่ยงในประเทศทั้งปัจจัยการเมือง และสถานการณ์การแพร่ระบาดซ้ำของโควิด ไม่ได้ยกระดับสูงขึ้น ดังนั้น คาดว่าในช่วงสิ้นปี 2563 ค่าเงินบาทมีแนวโน้มแข็งค่าขึ้นจากปัจจุบันที่ระดับ 31.15 บาทต่อดอลลาร์
ขณะที่การประเมินด้านการส่งออกของไทยไปสหรัฐฯ คาดว่า ในปี 2564 ได้อานิสงส์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ผ่านพ้นจุดต่ำสุดในปีนี้ ขณะที่นโยบายของว่าที่ผู้นำคนใหม่เป็นอีกปัจจัยเสริมที่ช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจสหรัฐฯ และหนุนการส่งออกของไทยให้เร่งตัวไปพร้อมกัน
หากเป็นนายโจ ไบเดน เข้ามาบริหารประเทศจะทำให้การส่งออกไปสหรัฐฯ ในปี 2564 กลับมาเร่งตัวได้ดีกว่าที่ 10-12% มีมูลค่าการส่งออกที่ 36,700-37,300 ล้านดอลลาร์ฯ แต่ถ้าเป็นนโยบายของนายโดนัลด์ ทรัมป์ การส่งออกของไทยไปสหรัฐฯ เติบโตค่อนข้างจำกัดโดยต่ำกว่า 5.0% มีมูลค่าการส่งออกประมาณ 35,000 ล้านดอลลาร์
นอกจากนี้ ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่าธุรกิจและการส่งออกของไทยที่มีโอกาสทำตลาดได้มากขึ้นหลังเลือกตั้งสหรัฐฯ แบ่งเป็น
1. สินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็นน่าจะเห็นภาพการเติบโตอย่างแข็งแกร่งต่อเนื่องจากปีนี้ไม่ว่าผู้นำคนไหนจะขึ้นมาบริหารประเทศ โดยเฉพาะในกลุ่มอาหาร
2. สินค้าอุปโภคบริโภคกลุ่มฟุ่มเฟือยน่าจะได้ประโยชน์ จากนโยบายของนายโจ ไบเดนมากกว่า อาทิ อัญมณีและเครื่องประดับ ยานยนต์ เครื่องใช้ไฟฟ้า และเฟอร์นิเจอร์
3. สินค้าขั้นกลางเพื่อการผลิตของไทยนั้นได้อานิสงส์ 2 ทางทั้งจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ และนโยบายของนายโจ ไบเดนที่ให้ความสำคัญกับการลงทุนด้านโครงสร้างฟื้นฐาน พลังงานสะอาด ขยายเครือข่ายระบบ 5G หนุนความต้องการสินค้าเหล็กและผลิตภัณฑ์ แผงโซล่าเซลล์และไดโอด อุปกรณ์คอมพิวเตอร์และอิเล็กทรอนิกส์
นอกจากนี้ ภายใต้นโยบายของพรรคเดโมแครตยังทำให้สินค้าไทยได้อานิสงส์ทางอ้อมผ่านกำลังซื้อของสหรัฐฯ ที่ฟื้นตัวทำให้ต้องการสินค้าอุปโภคบริโภคในทุกหมวดกลับมาได้เร็ว หนุนความต้องการสินค้าขั้นกลางของไทยให้ส่งออกไปตอบโจทย์การผลิตในประเทศต่าง ๆ เพื่อส่งสินค้าไปยังปลายทางผู้บริโภคในสหรัฐฯ